Page 422 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 422
354
แต่ที่เราไม่ใช้ธรรมชาติของจิตแบบนี้ เราจะบอกไม่อยากเห็นสิ่งนั้นไม่อยากอันนี้ เกิดไม่อยาก ให้นั่นไม่อยากให้อันนี้เกิดขึ้น แต่เราอยากมีอยู่คนเดียว เป็นไปได้อย่างไร ถ้าเราอยู่ในโลกคนเดียวจะเป็น อยา่ งไร...เหงาไหม ลองไปยนื อยตู่ รงนนั้ สกั ๒ ชวั่ โมง คนเดยี ว เรายงั รสู้ กึ ...ไมไ่ หวแลว้ ชวี ติ ของเรากเ็ หมอื น กัน มีสิ่งต่าง ๆ เข้ามาเป็นสีสันของชีวิต แต่ถ้าเราเปิดกว้างแบบนี้ จิตเรากว้าง เราจะรู้สึกสบาย
และธรรมะข้อนี้ พระพุทธเจ้าสอนพระราหุลว่า ให้ทาจิตของตนให้เหมือนกับอากาศ สอน พระราหุลนะ โอรสของพระพุทธเจ้า ให้ทาจิตเป็นเหมือนอากาศ เป็นเหมือนท้องฟ้าเป็นเหมือนอากาศ ของ อะไรก็ตามที่หนัก ๆ โยนขึ้นท้องฟ้าก็จะตกลงดิน โยนขึ้นอากาศเมื่อไหร่ก็จะตกลงดิน
ความทุกข์ความหนักความอึดอัด อารมณ์ที่เป็นของหยาบต่าง ๆ ลองดูสินึกถึงเรื่องอารมณ์ ที่เรา เคยเจอเรื่องหยาบ ๆ ที่เข้ามากระทบเรา ถ้าจิตเราว่างแบบนี้ เขาจะค้างอยู่ในใจเราได้ไหม ค้างอยู่นานไหม หรือว่าร่วงไปหายไป นี่คือความมหัศจรรย์ของจิตเรา แต่ที่เขาค้างอยู่นาน เพราะเราทาตัวเองเป็นเหมือน ภาชนะที่ไปรองรับอารมณ์ของหนัก อะไรหนัก ๆ ฉันจะรับหมดเลย อะไรเบา ๆ ปล่อยมันผ่านไป อะไร ดี ๆ ผ่านไปหมด รับแต่ของหนักเพราะภาชนะเรา แสดงว่าตะแกรงที่เรารับ รับได้แต่ของไม่ดี เพราะอะไร เพราะมีตัวตนจิตเราไม่กว้าง สังเกตไหมว่า พอจิตไม่กว้างกลับรับได้แต่ของที่ไม่ดี แต่พอทาให้จิตกว้างปุ๊บ กลับรับได้แต่สิ่งที่ดี ๆ เลย ที่ไม่ดีร่วงไปหมด เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ๆ
คนเรามีความทุกข์เพราะใจเราแคบลง ยึดตัวเป็นศูนย์กลางตัวเราเป็นใหญ่ แล้วอันนี้เป็นของเรา ของเราเข้ามาเราก็รับหมด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รับสิ่งที่ไม่ดีรับเร็วมากรับง่ายมาก แต่ที่ดี ๆ ก็รับยาก พอสิ่งที่ดี ๆ เข้ามา ใช่หรือเปล่าดีจริงไหม ที่ไม่ดีรับเต็มที่ แล้วที่ไม่ดีแล้วสรุปไม่ดีฉันจะรับเอาที่ไม่ดี ๆ สังเกตไหมเราฝึกอะไร เราฝึกความเคยชินที่จะทาให้เรารับเสพอารมณ์ที่ไม่ดี เราชอบฝึกตัวเองให้เสวย อารมณ์ที่ไม่ดี เสพอารมณ์ที่ไม่ดี แล้วมันก็จะติดอยู่ในใจของเรา ติดอยู่ในใจของเรา เวลาเราจะละจะลืม จะชาระออกไป ก็กลายเป็นเรื่องยาก พอมันติดอยู่มาก ๆ แล้วมันมีข้อมูลเยอะ เราก็จะเชื่อว่าไม่ดีง่ายกว่า เชื่อว่าดี...เห็นไหม เราจะเชื่อในสิ่งที่ไม่ดีง่ายกว่าเชื่อว่าดี แม้แต่จิตของเราเอง สังเกตพอจิตเราว่าง เราก็ยัง ไม่เชื่อตัวเองว่าว่างจริงไหม พอจิตเราเบา...เอ!เบาจริงหรือเปล่า นี่คือเราไม่เชื่อความดีที่เกิดขึ้น เพราะเรา ไม่ค่อยสั่งสม ไม่ได้มองความดีตรงนี้เรามองแต่ไม่ดี ๆ แล้วเราก็เลยไม่มั่นใจ
เพราะฉะนั้นการฝึกจิต การมาฝึกการปฏิบัติเพื่อเพิ่มปัญญาให้กับตนเอง ตรงนี้แหละ พัฒนา ปัญญาของเรา ถามใจเราลึกจริง ๆ สิ ดูใจเราดูเข้าไปในใจของเราจริง ๆ ลึก ๆ แล้ว รู้สึกเป็นอย่างไรเขา รู้สึกดีไหม เขาอยากดีไหม...เขาอยากดี แต่เวลาจะทาดีเรามักจะมีความคิดกั้น พอจะทาดีถ้าเราทาดีคนอื่น ก็ว่าเราไม่ฉลาด พอเราจะยอมทาดีคนอื่นก็ว่าเราไม่ฉลาด กลายเป็นว่าฉลาดในทางที่ไม่ค่อยฉลาด ฉลาด ในการทาไม่ดี การที่จะทาดีปุ๊บถูกเบรก ๆ กลายเป็นว่าจิตเรานั่นแหละ กลายเป็นว่าจิตเป็นตัวสั่งสมไว้ใน จิตของเราเอง ต่อไปนี่นะเราจะเป็นคนที่ไม่มั่นใจในความดี เพราะว่าเราไม่มั่นใจในความดีของตัวเอง เรา ก็จะไม่มั่นใจในความดีของคนอื่นด้วย เวลาเขาทาความดีปุ๊บเราก็จะมองดีจริงไหม จะดีได้สักกี่วัน กี่วัน ก็ดี...ใช่ไหม