Page 453 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 453
385
ก็คือว่า จริง ๆ แล้วนี่นะ ความว่างที่เกิดขึ้น ถ้าเราดูดี ๆ ที่อาจารย์พูดเสมอว่า ว่างแล้ว ต้องรู้ว่า อะไรว่าง จิตว่างหรือไม่ว่าง หรือแค่อารมณ์มันหาย อาการหายไป คือไม่ว่างจากตัวตน มีตัวตน มีความ อยากอยู่ แคอ่ าการเกดิ ดบั ของอารมณบ์ างอยา่ งไมเ่ กดิ ขนึ้ บางครงั้ มสี ภาวะเกดิ เคยเหน็ อาการ มนั แวบ็ บา้ ง มีแสงบ้างสีบ้างที่เกิดขึ้น พอไม่มีอาการนั้น เรียกว่าไม่มีสภาวะ แต่ลมหายใจยังมีอยู่ พอไม่เห็นอาการเกิด ดับ เลยนึกว่า คิดว่าไม่มีสภาวะ ลมหายใจนั่นแหละคือสภาวะ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ นั่นคือสภาวธรรม ที่เกิดขึ้น ต้องรู้แบบนั้น ให้รู้แบบนั้น
นั่นคือวิธีการที่เราจะให้พิจารณา เพื่อความต่อเนื่องของสภาวธรรม ทบทวนดูแล้ว เราจะเห็นว่า ตั้งแต่ที่ปฏิบัติมา ลองสังเกตดูว่า จนถึงปัจจุบันขณะนี้ สภาพจิตเป็นอย่างไร สติเป็นอย่างไร มีอาการอะไร เด่นชัดที่สุด ในขณะเวลาเราเดินจงกรม นั่งสมาธิ จริง ๆ แล้ว การเดินจงกรม อารมณ์ที่เด่น ก็คืออาการ เคลื่อนไหวของเรานี่แหละ เพียงแต่ว่าเคลื่อนไหวแล้วเห็นในลักษณะอย่างไร ว่างไป เบาไป หรือเห็นแค่จุด กระทบหาย ๆ หรือกระทบแล้วนิ่ง ๆ กระทบเงียบ จะเป็นอย่างไร นั่นก็คืออาการที่เด่นที่สุด ที่ต้องใส่ใจ นั่นคืออาการทางกาย อาการทางกายที่เกิดขึ้น
ถ้าเดินแล้วเหยียบถูกความว่างอย่างเดียว ก็จะเด่นชัดว่า ตอนนี้เราเดินอยู่บนอากาศ เห็นไหม ถ้า เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า เดินอยู่บนอากาศเมื่อไหร่ ก็ตื่นเต้นเมื่อนั้นแหละ จะรู้สึกว่า โอ้!เดินอยู่บนอากาศ แล้ว เหมือนเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ แปลกมากเลย...ตัวเบา แต่ถ้าเดินแล้วเหยียบถูกพื้นเฉย ๆ ไม่เห็นอาการ อะไร ไม่ได้ ๆ พิเศษอะไร เราจะรู้สึกเหมือนไม่เห็นอะไร แต่จริง ๆ จุดกระทบนี่แหละ คือความพิเศษของ เขา อาการที่เรารู้สึกได้ กระทบ...ไม่ว่าจะเป็นตึง ๆ นิ่ง ๆ ๆ เงียบ ๆ นิ่ง ๆ ไป เหมือนเดิม ๆ ตรงที่เหมือน เดิมและยาวนานนี่นะ ถ้าเหมือนเดิมสักชั่วโมงหนึ่ง ลองดูสิ ส่วนใหญ่เหมือนเดิมไม่กี่รอบหรอก ถ้าเดินไป แล้วตึง ๆ เหมือนเดิม ประมาณ ๓-๔ รอบ ก็รู้สึกแล้ว ทาไมยังอยู่เหมือนเดิม
พอถ้ายังอยู่เหมือนเดิม พอสังเกตอีก ทีนี้พอมันอยู่เหมือนเดิมเมื่อไหร่ ก็เลยส่งผลให้ไม่ใส่ใจ สังเกตแล้ว ไปหาอารมณ์อื่นดีกว่า คือจะไปเดินไป เดี๋ยวก็คิดโน่นบ้าง คิดนี่บ้าง ไปรับรู้อารมณ์อื่นบ้าง ไม่ ได้สนใจอย่างต่อเนื่องแล้ว กลายเป็นว่า พอเริ่มสมาธิดีขึ้น กลับเปลี่ยนอารมณ์ อดทนไม่พอ ถ้าสมมติเรา จะกาหนด ๑ ชั่วโมงนี่นะ เดิน ๑ ชั่วโมง กาหนดภายใน ๑ ชั่วโมง ลองดูว่าเขาจะเหมือนเดิมกี่นาที สมมุติ เราเดินเหมือนเดิมสัก ๕ รอบ ๖ รอบ แล้วไปหยุดยืนปึ๊บ พอกลับมาเดินใหม่ อะ!ยังเหมือนเดิมอีก หนัก กว่าเดิมอีก เห็นไหม เดินอะไรก็ไม่เห็นเปลี่ยนอะไรเลย ยิ่งหนักกว่าเดิมอีก เขาเปลี่ยนหรือยัง ถ้าหนักกว่า เดิม เปลี่ยนแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นหนักกว่าเดิมไง แล้วเราจะรู้สึกว่า เอ่ะ!ทาไมไม่เปลี่ยนเลย
นคี่ อื เพราะเราวา่ คา วา่ เปลยี่ นมนั ตอ้ งเบาขนึ้ เรอื่ ย ๆ ดขี นึ้ เรอื่ ย ๆ กลายเปน็ วา่ เราเขา้ ใจคา วา่ เปลยี่ น นี่นะแบบไหน หรือถ้ามันเปลี่ยนเป็นเบาขึ้น ใสขึ้น โปร่งขึ้น เราจะเรียกว่าเปลี่ยน ถ้ามันเปลี่ยนเป็นหนัก ขึ้น ๆ แย่กว่าเดิม เดินแล้วตัวเซตัวหนัก โห!ไม่เห็นอะไรเปลี่ยนเลย ไม่เอาดีกว่า ทนไม่ได้แล้ว ที่ทาไมถึง ทนไม่ได้ เพราะมันไม่เปลี่ยน หรือเพราะเปลี่ยนเป็นทนไม่ได้ เปลี่ยนเป็นหนัก แล้วก็รู้สึกทนไม่ได้ นี่คือ สภาวธรรมที่เขาเกิดขึ้นมา ถ้าเราไม่สังเกตดี ๆ นะ หลงกลง่าย ๆ เลย จะรู้สึกว่า อ๋อ!มันเป็นธรรมดา