Page 478 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 478

410
ที่ใสมีความหนักแน่นตั้งมั่นเข้าไปรับรู้ความคิด แล้วผลกระทบที่ตามมาเป็นอย่างไร ? อันนี้อย่างหนึ่ง ถ้ารู้ วา่ จติ ใสจติ สงบ เรากจ็ ะสา รวจไดอ้ กี วา่ จติ ทใี่ สทสี่ งบนนั้ ดอี ยา่ งไร มตี วั ตนไหม บอกวา่ เปน็ เราไหม หรอื เปน็ แค่จิตที่มีกาลังขึ้นประกอบด้วยสติ สมาธิ และปัญญา เป็นการพัฒนาจิต ทาให้จิตมีกาลังมากขึ้น
เมอื่ จติ มกี า ลงั มากขนึ้ แลว้ เอามาทา อะไร ? มาใชง้ าน ใชง้ านในการเจรญิ วปิ สั สนากรรมฐาน การใชง้ าน ในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน คือการที่นาจิตที่มีกาลังแล้วมาพิจารณาอาการพระไตรลักษณ์ รู้อาการ เกิดดับของรูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาน รู้อาการเกิดดับของกาย-เวทนา-จิต-ธรรม เอาจิตที่มีกาลัง แล้วมาพิจารณารู้อาการเกิดดับของความเย็น-ร้อน-อ่อน-แข็ง-เคร่งตึง-หนัก-เบา เอาจิตที่มีกาลังแล้วมา พิจารณาอาการเกิดดับของเสียงที่กาลังปรากฏอยู่ว่าเกิดดับในลักษณะอย่างไร นั่นคือเอาจิตที่มีกาลังแล้ว มาพิจารณาอาการพระไตรลักษณ์ มารู้อาการเกิดดับของทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้นมา เพื่อเป็นการยกจิต ขึ้นสู่วิปัสสนา เดินทางต่อไป...
๒๕ นาทีจากนี้ไปอาจารย์จะงดใช้เสียง ให้เราพิจารณาสภาวธรรมที่ปรากฏอยู่เฉพาะหน้าของตน ของตน ไม่ว่าจะเป็นอาการทางกาย ไม่ว่าจะเป็นสภาพจิต ไม่ว่าจะเป็นความคิด ไม่ว่าจะเป็นเวทนา หรือว่า อาการของธาตทุ งั้ สี่ กใ็ หใ้ สใ่ จพจิ ารณาไปจนกวา่ จะเหน็ สมควรแกเ่ วลา ขอใหต้ งั้ ใจกนั ... ...สมควรแกเ่ วลาแลว้ ต่อไปเราจะแผ่เมตตากัน ก่อนจะแผ่เมตตาทุกครั้ง ขอให้เราทาใจให้ว่าง ๆ ทาใจให้สบาย แล้วน้อมระลึก นึกถึงบุญกุศลที่เราได้ทา น้อมเข้ามาใส่ใจของเราให้เต็ม อันนี้ก็คล้าย ๆ กับที่เราเติมความสุข เพิ่มความสุข เพิ่มความนิ่มนวลอ่อนโยน หรือเพิ่มความรู้สึกที่ดี ๆ ให้กับจิตใจตนเอง เป็นการเพิ่มพลังจิต
แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ก็คือนึกถึงความดีหรือบุญกุศลที่เราได้ทาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรอื ทกี่ า ลงั ทา อยนู่ ี้ อยา่ งเชน่ ขณะนที้ เี่ รานงั่ กรรมฐาน แลว้ จติ มคี วามสงบ มคี วามผอ่ งใส หรอื มคี วามสขุ อยู่ ถ้ามีความสุขอยู่แล้ว เพียงแต่ทาให้จิตที่มีความสุขนั้นมีพลังหนาแน่นขึ้น ให้เต็มทั้งตัว ให้ล้นจากตัว ให้ กวา้ งออกไป... ใหจ้ ติ ทมี่ คี วามสขุ จติ ทสี่ วา่ ง ใหก้ วา้ งออกไป... เมอื่ เรารสู้ กึ วา่ จติ เตม็ ไปดว้ ยความสขุ เตม็ ไป ดว้ ยความสวา่ ง หรอื เตม็ ไปดว้ ยพลงั ของบญุ แลว้ ขอใหต้ งั้ จติ อธษิ ฐานใหก้ บั ตนเอง ดว้ ยอานภุ าพแหง่ บญุ นี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลว เป็นปัจจัย ให้เราเป็นผู้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงธรรม โดยฉับพลัน
จ า ก น นั ้ แ ผ จ่ ติ ท เี ่ ป น็ บ ญุ อ นั น ใี ้ ห ก้ ว า้ ง อ อ ก ไ ป ใ ห ก้ ว า้ ง อ อ ก ไ ป ไ ม ม่ ขี อ บ เ ข ต ไ ม ม่ ปี ร ะ ม า ณ ใ ห ก้ ว า้ ง เ ท า่ จักรวาล แล้วตั้งจิตอธิษฐานแผ่บุญกุศลอันนี้ ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เทวดาทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ และที่อื่น ๆ จงรับรู้ถึงบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แผ่ไปแล้วนี้ เมื่อรับรู้แล้วก็ขอให้อนุโมทนา เมื่ออนุโมทนาแล้ว ถ้ามีทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามีเวรมีภัยต่อกัน ก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกัน และกัน เพื่อความเจริญความผาสุกในชีวิตตลอดไป
และสุดท้ายนี้ ก็ขออานิสงส์กุศลผลบุญต่าง ๆ ที่เราได้ทามา ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษา ศีล การเจริญภาวนา ที่ทามาและกาลังทาอยู่นี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลว เป็นปัจจัย ให้เราทั้งหลายจงเป็น ผู้มีความเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ปรารถนาสิ่งใดก็ขอให้สาเร็จสมความปรารถนาทุก ๆ ประการ ตราบ เท่าเข้าสู่มรรค ผล นิพพานด้วยกันทุกคนเทอญ


































































































   476   477   478   479   480