Page 552 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 552

484
สามารถ เรามคี วามสามารถทจี่ ะเหน็ สจั ธรรมนนั้ ๆ ได้ เราสามารถเขา้ ถงึ ธรรม เหน็ คา สอนของพระพทุ ธองค์ ไดว้ า่ จรงิ ๆ แลว้ ธรรมะทพี่ ระพทุ ธองคต์ รสั ไมไ่ ดอ้ ยไู่ กลเลย ไมไ่ ดอ้ ยไู่ กลอยทู่ ไี่ หนเลย อยทู่ นี่ ี่ ณ ปจั จบุ นั นี้ ทุกขณะ ทุกขณะจิต ทุกขณะของลมหายใจ ที่หายใจเข้าออก ทุกขณะที่จิตรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ นี่แหละ สัจธรรม อยู่ตรงนี้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทา พูด คิด ก็ล้วนเป็นธรรมะ เป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นมา สอน ให้เราได้ศึกษา พิจารณาถึงความจริง ถึงความเป็นไปอยู่เนือง ๆ ใครก็ตาม ถ้าใส่ใจพิจารณาถึงสัจธรรม อย่างนี้ อยู่ในเนือง ๆ ไม่ประมาท หมั่นใส่ใจอยู่ ก็จะเห็นถึงสัจธรรมความเป็นจริง แล้วจะทาให้จิตคลาย จากอุปาทาน ทาให้จิตเข้าสู่ความสงบ ความว่าง ว่างจากตัวตน ว่างจากอกุศล แต่ยังรับรู้ถึงอารมณ์ต่าง ๆ ด้วยความเข้าใจ รับรู้โดยที่ประกอบด้วยสติ สมาธิ ปัญญา และพร้อมที่จะเข้าใจ หรือจะทาให้เข้าใจได้ ง่ายขึ้น ถึงธรรมชาติของอารมณ์ ที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ว่าอารมณ์เหล่านั้น ย่อมเป็น ไปธรรมดา เป็นไปตามปกติธรรมดาของโลก ของการได้เกิดขึ้นมาแล้ว
การที่คนเราได้เกิดขึ้นมามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อารมณ์ต่าง ๆ ก็ย่อมปรากฏ เป็นเรื่องปกติ ธรรมดา เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า เมื่อเรามีทวารทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดขึ้น ย่อม มีอารมณ์ทั้ง ๖ เข้ามาเป็นคู่กัน คือรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ย่อมเป็นของคู่กัน นั่นคือเป็น เรื่องปกติธรรมดาเลย ว่าในโลกนี้ย่อมเป็นไปแบบนี้ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ในเมื่อเป็นเรื่องธรรมดา แล้วทาไม จึงทุกข์ หรือทาอย่างไรถึงจะไม่ทุกข์กับอารมณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราเห็นถึงความเป็นธรรมดาจริง ๆ เห็นถึงสัจธรรมความเป็นธรรมดา และยอมรับ ได้ ถึงสัจธรรมความเป็นธรรมดาจริง ๆ ตรงนั้นแหละ จิตจะได้สงบขึ้น จะได้สบายขึ้น ก็จะมีความอิสระ มากขึ้น ความเบาขึ้น เพราะฉะนั้น การที่จะเห็นถึงความเป็นธรรมดา เป็นเรื่องแปลก ที่เราไม่สามารถ คิดเอาว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา คิด ๆ แล้วจะหายทุกข์ได้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะอะไร ธรรมะที่เกิดขึ้น บางครั้งเราได้ฟังธรรมะแล้ว เราไม่ได้ทาตาม ไม่ได้พิจารณาตาม ด้วยความจริงใจ ด้วยความซื่อสัตย์ ต่อตัวเอง หรือด้วยความปรารถนาที่จะดับทุกข์อย่างจริงจัง มีแต่การฟัง ฟังไว้แล้วไม่ได้ใส่ใจ ให้เห็นถึง สัจธรรมแบบนั้นจริง ๆ
พอมีผัสสะขึ้นมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ยังรับเอามาเป็นของตน ยังเป็นทุกข์อยู่ แต่ความ มหัศจรรย์ของธรรมะ ก็คือว่า ถ้าเรา ผู้ใด ทาและพิจารณาตามความเป็นจริง ด้วยการเริ่มต้นมาดูกาย ดูจิต ตรงนี้ที่กาลังนั่งอยู่ รู้ถึงความเป็นคนละส่วนกัน ว่าจิตกับกายเป็นคนละส่วนกัน เริ่มตรงนี้เมื่อไหร่ ความ ทุกข์จะลดลง ความคิดที่เกิดขึ้นมา ก็กาหนดเห็นว่าจิตที่ทาหน้าที่รู้ กับเรื่องที่คิดเป็นคนละส่วนกัน เห็น ความคิดเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เห็นสัจธรรมแบบนี้จริง ๆ ด้วยการใส่ใจ ด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ ที่จะรู้ถึงสัจธรรมแบบนี้ และเห็นความจริงแบบนี้ เมื่อนั้นความทุกข์ก็จะดับไป
ถึงแม้มีผัสสะเกิดขึ้นมาเป็นระยะ ความทุกข์ก็ไม่เกิดขึ้น ผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือแม้ กระทงั่ ความคดิ ทเี่ กดิ กบั ใจ กไ็ มท่ า ใหจ้ ติ ขนุ่ มวั หรอื เศรา้ หมองเปน็ ทกุ ขเ์ กดิ ขนึ้ มาได้ นคี่ อื ความมหศั จรรย์


































































































   550   551   552   553   554