Page 577 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 577

509
ทบี่ อกวา่ ขณะแรกของอารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ บางครงั้ ไมส่ ามารถเกดิ ขนึ้ หรอื รเู้ ทา่ ทนั อารมณน์ นั้ ได้ ยงิ่ ถา้ เปลี่ยนอารมณ์ใหม่ จากเสียงเป็นความคิด จากความคิดเป็นการเห็น จากการเห็นเป็นอาการเคลื่อนไหว ตา่ ง ๆ นนี่ ะ ถา้ ไมเ่ คยปฏบิ ตั ิ หรอื ไมไ่ ดใ้ สใ่ จ อาการขณะแรกของอารมณ์ ไมใ่ สใ่ จตน้ จติ ...พจิ ารณาอยเู่ นอื ง ๆ ยากนักที่จะเข้าถึง ที่จะทันอารมณ์เหล่านั้น
แต่การที่จะรู้เท่าทันอารมณ์อย่างหนึ่ง อารมณ์ผัสสะที่เกิดจากอารมณ์ภายนอก ที่เข้ามากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ ความคิดที่เกิดขึ้น บางทีอาจจะไม่ทัน แต่สิ่งที่เราต้องรู้ทันคือ ความเป็นอกุศล หรือจิตที่เกิดขึ้นใหม่ กิเลสที่เกิดขึ้น การรับรู้อารมณ์ด้วยอกุศล หรือด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ที่เราสามารถ รไู้ ด้ ตอนนเี้ ราจะรบั รดู้ ว้ ยปญั ญา มสี ตพิ จิ ารณาถงึ อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ หรอื กเิ ลสทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ถา้ เราสนใจ ใสใ่ จ ดูสภาพจิตตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ควรรู้เท่าทัน
เพราะฉะนนั้ คอื เปน็ สภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ ภายใน อยใู่ นตวั ใกลต้ วั ทสี่ ดุ ไมต่ อ้ งเดนิ ทางไปไกล ไปเพอื่ ทจี่ ะรจู้ ดุ เกดิ ของอาการอนั นนั้ อนั นสี้ ว่ นหนงึ่ เพราะฉะนนั้ การทบี่ อกวา่ รเู้ ทา่ ทนั อารมณ์ รเู้ ทา่ ทนั อารมณใ์ น ขณะที่มีผัสสะเกิดขึ้นใหม่ คือ สังเกตทาอย่างไร ถึงจะรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ให้จิตคล้อยตามอารมณ์ เหล่านั้น คืออารมณ์ตรงนี้ คือตัวสภาพจิต คือตัวจิตที่จะปรากฏขึ้นมา จิตที่ไปรับรู้อารมณ์เหล่านั้น รู้เท่า ทันความขุ่นมัว ความราคาญ ความหงุดหงิด
เพราะอะไร จิตตรงนี้นะ ความหงุดหงิด ความราคาญ ความขุ่นมัว ความเศร้าหมองเกิดขึ้น อาศัย การปรุงแต่งสักระยะหนึ่ง ที่ถึงความขุ่นมัวจะเกิดขึ้นมา มีผัสสะ มีผัสสะกระทบเป็นขณะ ๆ แล้วค่อย ๆ ขนุ่ ขนึ้ มา ความขนุ่ มวั นแี่ หละทเี่ รารทู้ นั หรอื รแู้ ลว้ ดบั อยา่ งไร...ใหเ้ รว็ ไมใ่ หค้ วามขนุ่ มวั ตรงนเี้ ปน็ กา ลงั เปน็ กาลัง เป็นตัวผลักดันบีบคั้นจิตใจ ให้อาการทางกาย ทางวาจา ที่เป็นไปในลักษณะที่เป็นไปตามอารมณ์
รู้เท่าทันอารมณ์ตรงนี้ อารมณ์โกรธ เพิ่งเริ่มเกิดแล้วนะ เริ่มเกิด เริ่มเกิดแล้ว ก็ดับอารมณ์โกรธ ความรสู้ กึ โกรธนนั้ ไป อนั นนั้ คอื อารมณอ์ ยา่ งหนงึ่ ทถี่ า้ มเี จตนาทจี่ ะรเู้ ทา่ ทนั อารมณเ์ หลา่ นี้ สามารถกา หนด รเู้ทา่ทนัได้รเู้ทา่ทนัใหม้ากขนึ้ได้แตร่เู้ทา่ทนัแลว้ทสี่าคญั ถา้เปน็อารมณท์เี่ปน็อกศุลตอ้งมเีจตนาทจี่ะละที่ จะดบั อนั นสี้ า คญั มาก ๆ บางครงั้ รเู้ ทา่ ทนั อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เหน็ อกศุ ลเกดิ ขนึ้ เหน็ ความทกุ ขเ์ ปน็ อกศุ ลเกดิ ขึ้นแล้วนี่นะ เป็นฝ่ายอกุศลเกิดขึ้น แต่ไม่มีเจตนาที่จะละที่จะดับ มีแต่การตามรู้ดูอย่างเดียว อันนี้ อารมณ์ นั้นก็จะดับช้าไป
แตถ่ า้ พดู ถงึ แลว้ การทเี่ รารชู้ ดั ถงึ อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ หรอื จติ ทเี่ ปน็ อกศุ ลเปน็ กเิ ลสเกดิ ขนึ้ มา เปน็ โลภะ โทสะ หรือโมหะ เกิดขึ้นมา อารมณ์เหล่านี้ ไม่จาเป็นต้องเก็บไว้นาน ควรจะดับไปละไปนะ ดับไปละไป ให้เหลือแต่จิตที่ผ่องใส เหลือแต่จิตที่ประกอบด้วยปัญญา ปัญญา คือรู้เท่าทันแล้วก็ดับไป รู้เท่าแล้วดับ อารมณ์ที่ไม่ดีไป ให้เหลือแต่จิตที่ดี ที่ทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ใหม่ต่อไป
เพราะอะไร จิตที่ดีที่เกิดขึ้น ทาไมต้องให้เหลือแต่จิตที่ดีที่เกิดขึ้น จิตที่ดีตรงนี้ มีลักษณะอย่างไร จติ ทดี่ มี คี วามสงบ มคี วามใส มคี วามวา่ ง มคี วามสขุ มคี วามหนกั แนน่ มคี วามมนั่ คง มคี วามตงั้ มนั่ มคี วาม


































































































   575   576   577   578   579