Page 833 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 833

765
บางครั้งก็เป็นการอวดตัวเอง บางครั้งเล่าไปแล้วข่มคนอื่น แต่ถ้าเล่าสภาวะจะแก้สภาวะไป มันดีแบบนี้ ใส แบบนี้ สบายแบบนี้ สุขแบบนี้ มั่นคงแบบนี้ รู้สึกดีกว่าเดิมมาก ๆ นี่เล่าได้เลย อาจารย์อยากให้เล่าแบบนี้ เลย อย่าเล่าว่า รู้สึกมัน... ดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แบบนี้น่าดุมากเลย อะไร! จิตของตัวเองแท้ ๆ ยังบอกไม่ได้ สรุปไม่ได้ อันนี้ไม่ดี
โยคีบางคนที่เล่าสภาวะกับอาจารย์ถามว่า เล่าได้ไหม ? เล่าอะไร ? จิตมันใสมาก ๆ โอโห! ใสยัง ขออนุญาตอีก! ถ้าจิตมันใสไม่ต้องขออนุญาตเล่าหรอก เล่าไปเลย! แต่ถ้า เล่าได้ไหม... ทาไมชอบคิด แบบนี้ ? คิดอะไร ? มันชอบคิดเรื่องไม่ดี อันนี้เล่าได้ไหม ? เล่าได้ สิ่งที่ต้องเล่าก็คือ ทาไมจิตมันชอบคิด แต่เรื่องไม่ดี จะแก้ยังไง ? เล่าแค่นั้นพอ ไม่ต้องไปเล่าอะไรมากกว่านั้นหรอก เรารู้อยู่แล้วว่าคิดไม่ดี จะ แก้ความคิดที่ไม่ดีอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ต้องรู้เพื่อจบปัญหาให้เร็วที่สุด ไม่ต้องมาสาธยาย ถ้าสาธยายว่าคิด ไม่ดีกับคนนั้นคนนี้ เดี๋ยวได้ทาวจีกรรมเพิ่ม ไม่ใช่แค่มโนกรรมนะนั่นน่ะ มโนกรรมนี่คิดอยู่ในใจ พอเล่า ออกมา เป็นวจีกรรมเพิ่มเข้าไปอีก
อีกอย่างหนึ่ง มีหลายคนที่กังวลว่าเวลาปฏิบัติธรรมเวลาเจาะสภาวะนี่ห้ามคิด ติดคาว่า “ห้าม คิด” แต่ขณะที่มุ่งไปกาหนดอาการเกิดดับ พอมีความรู้สึกหรือสติมันเตือนว่าให้ทาแบบนั้น ทาแบบนี้ ทาแบบนี้... กลับกังวลว่ามันคิดมาก กังวลว่าทาไมมันสั่งบ่อยจัง ที่จริงสติที่คอยสั่งตรงนี้ดีมากแล้ว จะได้รู้ วา่ อนั นเี้ ราเผลอนะ อนั นมี้ งุ่ ตอ่ ไปนะ อนั นหี้ ยดุ นงิ่ นดิ หนงึ่ นะ... นนั่ คอื สตคิ อยกา กบั ในการกา หนดรอู้ ารมณ์ ไม่ใช่ว่าเป็นความคิดที่ไม่ดี (แต่)เป็นการกากับการกาหนดอารมณ์ของตนเอง ว่ากาหนดแบบนี้ถูกไหม พอเจอสภาวะแบบนี้เข้าไปกาหนดอย่างไรต่อ นี่คือสติคอยกากับในการกระทา แสดงว่าเรามีสติคอย กากับคอยสั่งอยู่เสมอ ความคิดแบบนี้ไม่ผิด
ความคิดที่ไม่ควรคิด คือคิดแล้วก็คล้อยตามเขา คิดแต่เรื่องไม่ดี คิดถึงเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว ก็คล้อยตาม เพลิดเพลินไปกับเขา ความคิดอย่างนั้นควรดับทันที ไม่ควรมานั่งคิด หรือขณะที่เจาะสภาวะ พอเห็นปุ๊บ อ๋อ! แปลว่าอย่างนี้ เห็นปุ๊บ อ๋อ! หมายความว่าอย่างนั้น... มัวแต่นั่งแปลอยู่ จะช้านิดหนึ่ง แต่บางคนเรียนมากเขาก็จะแปลไปด้วยตีความไปด้วยในตัว เห็นปุ๊บก็จะสรุป อ๋อ! หมายความว่าอย่างนี้ หมายความว่าอย่างนี้... แต่ถ้าสติไวไม่เป็นไร เข้าใจแล้วรู้สึกว่า อ๋อ! หมายความว่าอย่างนี้ เข้าใจแล้วโล่ง ขึ้น ใสขึ้น อันนั้นไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ต้องเน้นก็คือว่า ต้องรู้ว่าเข้าใจแล้วเห็นไหมว่าเขาดับอย่างไร แล้วต่อไป เขาดับอย่างไร
แตถ่ า้ เหน็ สภาวะเกดิ ขนึ้ /เหน็ อาการเกดิ ขนึ้ แลว้ ดบั หมดไป ออ๋ ! เปน็ อยา่ งนเี้ อง แลว้ กน็ งั่ คดิ เพลนิ ไป โดยที่ไม่กาหนดต่อ อันนั้นไม่ดี มานั่งกาหนดแล้วปรุงแต่งต่อ คิดไปเรื่องนู้นเรื่องนี้ยาวไป พอกลับมา อ้าว! อาการเกิดดับหายไปไหนแล้ว!? อันนี้ไม่ดี เพราะนั่นคือการเดินไปแล้วหยุดเป็นระยะ อันนั้นไม่ควรคิด แต่ ถา้ เปน็ ความรสู้ กึ หรอื สตคิ อยกา กบั ใหม้ งุ่ อกี สิ เขา้ ไปตรงนี้ พอไมม่ อี ะไรเกดิ ขนึ้ มนั วา่ ง ๆ ทา แบบนสี้ ิ ใหน้ งิ่ สิ... อันนี้ไม่ผิด ให้หาอาการปุ๊บ หาแล้วมันไม่มี ก็จะสั่งให้นิ่ง รู้ว่าจิตมันสั่งให้นิ่งปุ๊บ เรานิ่งแล้วสภาวะอะไร ปรากฏ... ความคดิ แบบนไี้ มผ่ ดิ ความคดิ นเี้ ปน็ สตทิ คี่ อยกา กบั คอยเตอื นในการกระทา ในการกา หนดของเรา


































































































   831   832   833   834   835