Page 849 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 849
781
อาจารย์ถาม แล้วต่อไปเป็นยังไง ? มันนิ่งง... นํานมํากเลยอําจํารย์ อุตส่าห์ถามต่อไปแล้วนะ คือ ข้ามไปได้เลย รู้สึกนิ่งสักพักหนึ่ง มี “ความคิด” เกิดขึ้นมา พอรู้สึกคิดปึ๊บเข้าดับเลย รู้สึกว่าคิดเขาก็ดับ รู้สึกคิดเขาก็ดับ เล่าตามอาการ ความคิดเกิดขึ้นมา สักพักเขาก็หายไป ความคิดหายไปแล้ว เราก็เลยนิ่ง ใหม่ พอนิ่งไปพักหนึ่ง ความคิดเริ่มมาอีก พอรู้ปุ๊บเขาดับต่างจากเดิม ความคิดเข้ามามันสั้นกว่าเดิมอีก พอเริ่มเกิด แว็บ...หาย แว็บ...หาย แว็บ...หาย พอเริ่มจะเกิด รู้ทัน เขาก็หมดไป คือเล่าตามที่เห็นแบบนี้ พอความคิดหมดไปแล้วไปรู้อะไรต่อ ? เราก็เล่าตรงนั้นต่อไปเลย ไม่ต้องมองหน้าอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ถูกแล้วแต่ก็ยังสงสัยอยู่
ทีนี้ พอความคิดหมด กลับมานิ่งใหม่ มาดูจุดเริ่มต้นของเรา คือยกจิตขึ้นสู่ความว่าง ต่อจากเมื่อกี้ ว่า พองยุบหายไป จิตรู้สึกนิ่งสงบ พอมีความคิดเข้ามา รู้ทัน ๆ พอความคิดหมด จิตรู้สึกตั้งมั่นขึ้นตื่นตัว ขนึ้ แลว้ กม็ ี “เวทนา” ขนึ้ มา เวทนาเกดิ ขนึ้ มาคราวนตี้ า่ งจากบลั ลงั กท์ แี่ ลว้ ตรงทรี่ สู้ กึ วา่ เวทนาทเี่ กดิ คราวนี้ เป็นก้อน แต่ว่าเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ ชัดเลย! ไม่ต้อง ต่ํางจํากครําวที่แล้ว ครําวที่แล้วมันเป็นอย่ํางนั้นอย่ํางนี้ ครั้งนี้ต่ํางแบบนี้... ยาวไปนิดหนึ่ง กระชับได้! หรือจะเปรียบเทียบแบบนี้ คราวที่แล้วเวทนาเป็นจุด แปล๊บ ๆ ๆ แต่ปวดมาก กับคราวนี้เป็นก้อน แต่มันนิ่ง ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ขยับ พอมีสติตามรู้ไป อาการ เวทนาจากที่ขยับก็เคลื่อนไป ๆ เบาลง ๆ หายไป กลับมานิ่งใหม่ สักพักเวทนาขึ้นมาใหม่อีก ทีนี้อาการ เขาไม่ค่อย ๆ แต่วึบขึ้นมาผุดขึ้นมาเลย เห็นอย่างไรก็เล่าตามนั้น
ถ้าเราบอกได้ว่าเห็นเวทนามันวึบขึ้นมาเลย นั่นคือเห็นการเกิดของเวทนา กับเห็นเวทนามันค่อย ๆ ปึ๊บ ๆ ปึ๊บ ๆ ค่อย ๆ ลามขึ้นมา ค่อย ๆ ไหลขึ้นมา อันนี้คือเห็นการเกิดของเวทนา พอเกิดขึ้นมาแล้วแรง ขึ้น ๆ จะทนไม่ไหว ไม่รู้ทายังไงกลายเป็นหงุดหงิด จริง ๆ ไม่ใช่! เราทาอะไรตอนนั้น ? เราก็ได้แต่นิ่งแล้ว ตามรู้ ตามรู้...ไป พอเวทนาหยุดปึ๊บเราก็ต้องนิ่ง คาว่าเวทนา “หยุด” กับ “ดับ” ต่างกัน พอรู้สึกว่าเขาเคลื่อน ขึ้นมาแรงขึ้น ๆ แล้วก็หยุดค้างอยู่ หยุดค้างแต่ยังรู้สึกมีเวทนารู้สึกปวด แต่พอมีสติเข้าไปรู้ เวทนาเริ่มขยับ นิดเดียว ๆ ยังปวดอยู่แน่นอน แต่ตรงที่เวทนามีอาการขยับนิดหนึ่ง ๆ เขาเริ่มแสดงอาการพระไตรลักษณ์ แล้ว เพราะฉะนั้น เราก็ต้องรู้ จากนิดหนึ่ง ๆ แล้วเขาเปลี่ยนยังไงต่อ... เล่าตามอาการที่เห็น
แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าพอมีความคิดขึ้นมา สมมติว่าบัลลังก์ที่แล้วความคิดเยอะมาก กาหนด ไม่ได้เลย สับสนวุ่นวายไปหมด กระสับกระส่ายนั่งไม่ติด เดี๋ยวเรื่องโน้นเรื่องนี้... เดี๋ยวพูดไปแล้วโยคียัง ไม่ได้กาหนดอย่างที่อาจารย์พูด ก็จะรู้สึกว่า ฉันยังไม่ได้ทําแบบที่อําจํารย์ว่ําเลย... อันนี้อย่างหนึ่งวิธีเล่า สภาวะ บลั ลงั กท์ แี่ ลว้ มคี วามคดิ เยอะมาก กา หนดไมท่ นั เลย พอออกมาแลว้ ความคดิ นนั้ เบาลง” เลา่ แบบนี้ กไ็ ด้ จบแลว้ ! หรอื ถา้ เราบอกวา่ “พอความคดิ เยอะแยะ เลยนงิ่ ... เรารวู้ า่ เราทา ยงั ไงตรงนี้ ...แตว่ า่ เขาเยอะ มาก ยิ่งนิ่งมันก็ยิ่งเข้ามาเร็ว ๆ สักพักถึงจะค่อย ๆ เบาลงน้อยลง ความคิดน้อยลง ๆ ในที่นี้หมายถึงว่า ยังไม่หมดทีเดียว แต่นาน ๆ มาทีหนึ่ง ถ้าเห็นอย่างนี้ก็เล่าอย่างนี้
พอมาบัลลังก์หลังสุด พอนั่งปึ๊บไม่มีความคิดเข้ามารบกวนเลย มีแต่ความนิ่งเงียบ... สักพักหนึ่ง ในความเงียบนั้น ลึก ๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างกระเพื่อมไหวเป็นจุดเล็ก ๆ ขึ้นมา เล่าตามนั้น เมื่อเป็น