Page 863 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 863
795
สักพักนี่นะ ๑๐ นาทีก็ได้นะ ไม่ใช่ว่าสิบนาทีก็นิดหนึ่ง ๆ กาหนดอีกนิดหนึ่ง กว่าจะจางไป กลับมาถอยใหม่ เข้าไปใหม่ นิดหนึ่ง โอ้โห!
พออาจารย์ถามว่าต่อจากนั้นเป็นอย่างไร...ต่อจากนั้นล่ะ มันค่อย ๆ ดีขึ้น แต่เวลากาหนดแต่ละ ครั้งมันนิดหนึ่ง ๆ ถูกใครบ้างเนี่ย! ฟังแล้วรู้สึกเป็นอย่างไร อาจารย์ใจดีแค่ไหน...ทนนั่งฟัง แล้วต่อจากนั้น เป็นอย่างไร หลังจากนิดหนึ่งเป็นอย่างไร หลังจากนี้มันก็สว่างขึ้น แต่...ใช้เวลานานมากกว่าจะสว่าง มันไป ทีละนิด ๆ ๆ นี่นะเล่า ๓ รอบแล้วนะ ๓ รอบแล้วเหรอ! แต่...ทาไมมันช้าอย่างนั้นล่ะ มันไปทีละนิด ๆ เรื่องเดิมอีก เห็นไหม! นี่คือการที่เราเล่าสภาวะ
เวลาเราเกิดความสงสัยในสภาวะ แล้วก็ถามตัวเองว่าที่เล่าอย่างนั้น ปัญหาอยากจะถามว่า ควรจะ แก้อย่างไรถึงจะผ่านสภาวะนี้เร็วขึ้น หรือทาไมอาการนี้ถึงช้า คือเล่า ๆ แล้ว ตรงนี้จุดหนึ่ง เราต้องรู้กาหนด แล้วรู้สึก กาหนดไปเขาดับที่ละนิด เขาจางทีละนิด ๆ ๆ ๆ แต่ว่าใช้ช้า ๆ นี่คือชัดเจนในตัว สักพักเขาถึงโล่ง ขึ้นเบาขึ้นสบายขึ้น นี่คือเล่าสภาวะ เห็นไหม นิดเดียวเอง ถึงนั่ง ๑ ชั่วโมง มีแค่นี้ก็เล่าแค่นี้แหละ เล่าสอง นาทีจบก็จบ ไม่จาเป็นต้องครึ่งชั่วโมง นี่คือวิธีการเล่าสภาวะ
ถ้าถามว่าต่อจากนั้นเป็นอย่างไร จากอาการนิด ๆ นี้หมดไป เขารู้สึกโล่งขึ้น อาการเกิดดับจากที่ เคยนิด ๆ เปลี่ยนเป็นช้า ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเร็วขึ้น ใช้แบบนี้ ถ้าเขาเปลี่ยนเร็วขึ้นนะ ถ้าเขาเปลี่ยนช้ากว่า เดิมก็บอกว่าช้า ๆ ต่อไปอีก ไม่ใช่แบบเพื่อให้เปลี่ยนเร็วขึ้น ๆ แต่ช้ามากเลยนะ เขาเปลี่ยนเร็วขึ้นแต่ช้ามาก เลยนะ...คือไม่ต้อง อาการเปลี่ยนเร็วขึ้นกว่าเดิม คือเร็วขึ้น เพราะตอนแรกเราบอกแล้วเขาช้าแบบนั้น พอพูดว่าเร็วกว่าเดิมก็เข้าใจได้ ๆ คิดว่าอาจารย์พอจะเข้าใจได้นะ ไม่จาเป็นต้องกลัวอาจารย์ไม่เข้าใจ นี่คือการเล่าสภาวะ
เวลากาหนดเวทนาก็เหมือนกัน นี่!อาจารย์บ่นแล้วนะ ถามแบบนี้ทาให้อาจารย์บ่นโยคี ต้องฟังเอา ไว้ก่อน แล้วก็ไปทบทวนดูว่าส่งไม่ถูกตรงไหนบ้าง ต้องฟังเอาไว้นะ อาจารย์พูด เล่าแบบนี้ ยกตัวอย่าง เวลาเรากาหนดเวทนา ยกตัวอย่างว่า เวทนาเมื่อบัลลังก์ที่แล้ว จริง ๆ อาจารย์พูดบ่อยมากนะ พอจะพูดซ้า จึงรู้สึกว่าตัวเองจะบ่นโยคี ไม่...ติดนิสัยไม่ดี ไม่ใช่ไม่เป็นไร จะติดนิสัยไม่ดี จะเป็นคนขี้บ่น ไม่ดี ท่านแม่ ครูบอกว่า อย่าทาให้ท่านแม่ครูเป็นคนขี้บ่นนะ ทาอย่างไรไม่ให้ท่านขี้บ่น เราก็เล่าสภาวะเดินหน้าไปเลย เดินหน้า ๆ จริง ๆ ท่านไม่เคยบ่นสักครั้งหนึ่ง แต่ท่านบอกว่าท่านกลัวจะเป็นคนขี้บ่น ก็คือสอนเรา ท่าน บอกระวังนะ เดี๋ยวกลายเป็นคนขี้บ่น เล่าสภาวะกลายเป็นบ่น
เราไม่ได้เล่า อ๋อ!ปฏิบัติแล้วเป็นอย่างนี้ ๆ รู้สึกแก้ปัญหาได้ ก็คือได้ แก้ไม่ได้แล้วแก้อย่างไร เราจะ เป็นคนที่เรื่องน้อยลง แล้วจับประเด็นได้ชัดขึ้น อายุอารมณ์จะสั้นลง การปฏิบัติเรานี่นะ จะไม่ค่อยมีอะไร ติดขัด แต่ถ้ารู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้อย่างนั้น อันนี้จะสะดุด ๆ ๆ เป็นระยะ เพราะฉะนั้นปฏิบัติธรรม อันนี้ มีผลนะ ไม่ใช่ไม่มีผล อันนี้มีผลใหญ่เลย เพราะเวลาอารมณ์จบ จบแบบเด็ดขาดไม่เหลือเศษอารมณ์ เรา ไม่ใช่คนจุกจิก แต่เป็นคนละเอียดอ่อน ต่างกันนะ จุกจิกกับละเอียดอ่อน จะแตกต่างกันเลย เราเข้าใจถึง สภาวะที่เปลยี่นไปเปน็คนละเอยีดออ่นดว้ยความรสู้กึของเราอนันดี้ีอันนไี้มด่ีแตไ่มจ่กุจกิกบัสงิ่ทเี่กดิขึ้น