Page 901 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 901

833
ก็คือว่า โดยธรรมดา เวลาเรากาหนดปฏิบัติธรรม ก็จะมีอารมณ์นี้แทรกขึ้นมา ถ้าเราอธิษฐานจิตว่า เรา จะเข้าใจ หรือให้มีปัญญารู้เท่าทันอารมณ์ มีสติไวขึ้น รู้เข้าใจในธรรมที่พระองค์ทรงสอนไว้มาก ให้รวดเร็ว หรือให้มาก ให้คมชัด ความคิดเป็นอะไร อย่างที่บอกความคิดก็เป็นสภาวธรรมปกติ เป็นขันธ์ ๆ หนึ่งที่ เกิดขึ้น จึงเรียกว่าอารมณ์จร และเราก็จะเข้าใจว่า อ๋อ! นี่นะ เห็นไหมว่ามันไม่เที่ยงแบบนี้แหละ เราอยาก รู้อารมณ์หลักอยู่ดี ๆ เดี๋ยวก็มีอารมณ์จรแว็บขึ้นมา
อ๋อ! เป็นอย่างนี้เอง ชีวิตคนเรา ทาไมถึงแว็บนู่นแว็บนี่ พอเราสังเกตเยอะ ๆ ตัวเราเอง...ศึกษา จากตัวเองว่า ทั้ง ๆ ที่เราไม่อยากคิด แต่ทาไมความคิดเดี๋ยวแว็บไปเรื่องนู้น เดี๋ยวแว็บเรื่องนี้ แว็บเรื่องนู้น แว็บเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ อ๋อ! นี่ธรรมชาติของชีวิตนะ ธรรมชาติของคนเรา เพราะอย่างนี้นี่เอง จึงเป็นเหตุให้ คนเราไหลตามความคิดอยู่เรื่อย ๆ ปรุงแต่งต่อ ทาต่อ แล้วก็เป็นทุกข์ขึ้นมา ทาตรงนี้พอไม่ชอบนี่นะ วางใหม่ หาทาใหม่ เรื่องใหม่ ทาไปแล้วก็เป็นทุกข์ขึ้นมา ไม่ได้...พอเปลี่ยนไป อยากยึด...ทาได้ดี พอถึง เปลี่ยนเรายังไม่อยากให้เปลี่ยน พอเขาเปลี่ยนก็เป็นทุกข์อีก อ๋อ!นี่แหละ ความเป็นธรรมดาธรรมชาติ ของชีวิตของคน
อันนั้นโยคีจะถามว่า ปัญญาเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าปัญญาเกิดอย่างไร ถ้ามีปัญญาเกิดเมื่อไหร่ ก็รู้ เมื่อนั้นแหละ เพราะปัญญาคือความรู้ เห็นไหม ปัญญาคือสิ่งที่เรารู้ รู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง กับรู้ด้วยเหตุ ด้วยผล อันนี้ไปด้วยกัน ถามว่าเรากาหนดรู้อาการเกิดดับของรูปนามทั้งหมดนี่นะ ปัญญาจะเกิดตอนไหน เกิดตอนที่รู้นั่นแหละ จะบอกว่าอย่างไรดีนะ ถ้าไม่เกิดตอนที่รู้ แล้วจะไปเกิดตอนไหนล่ะ เกิดตอนที่ไม่รู้ ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ จะเรียกว่าปัญญาก็ไม่ได้ ทีนี้ถามว่ารู้อะไร ที่จริงนะ สังเกตไหม ปัญญาที่จะรู้แจ่มแจ้ง ขึ้นมา บางครั้งบางเรื่องไม่ได้รู้ครั้งเดียว เห็นครั้งเดียว ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
เพราะฉะนั้น สังเกตเวลาเราเจริญกรรมฐาน เราจึงเห็นสภาวธรรมซ้า ๆ ๆ ๆ บางอย่างก็เกิดซ้า ๆ จนชัดเจนเองเลยว่า อ๋อ!เป็นแบบนี้จริง ๆ ฉันไม่ได้คิดเอา ไม่ได้ปรุงแต่ง เขาเกิดขึ้นอย่างนี้จริง ๆ นี่แหละ มนั เขา้ กบั หลกั ของอะไร ของวทิ ยาศาสตรใ์ ชไ่ หม ทา มา...พสิ จู นซ์ า้ ๆ ทนตอ่ การพสิ จู นไ์ มใ่ ชแ่ บบเชอื่ ละ่ แลว้ การวิจัยก็ได้ทาอะไร ก็ต้อง...เขาเรียกต้องมีข้อมูลมีกันเยอะแยะ มีซ้าขึ้นมา มียิ่งมากยิ่งมั่นใจ ยิ่งชัด ยิ่งรู้ ซ้ายิ่งมั่นใจ ทาแล้วเป็นเหมือนเดิม เราพอเป็นเหมือนเดิมซ้า บางที ๑๐ ปี เอง ๑๐ ปี เอง เขาวิจัยตั้ง ๒๐ ปี ยังไม่ได้เรื่องเลย เขายังวิจัยอยู่ นู่น!ยังได้ทุนวิจัยอยู่ ในบางเรื่องยังวิจัยอยู่
แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่นะ สังเกตดูว่า เราพิสูจน์ได้ด้วยตัวเราเองนะ และเรารู้ว่าเรากาลัง เรียนรู้อะไร ตัวสาคัญก็คือว่า ขณะที่เราปฏิบัติธรรมอยู่ เรากาลังศึกษาอะไร ถ้าเราเข้าใจว่าศึกษาอาการ พระไตรลักษณ์ คือการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของรูปนามทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอก ก็ตาม ตรงนี้แหละ ทาไมถึงเป็นทั้งภายใน ภายนอก ทาไมเริ่มต้นจากการรู้รูปนามภายในก่อน ไม่มีใครรัก เราเท่ากับตัวเราเอง...ไม่มีเลย เรายึดอะไรมากที่สุด คนเราก็ยึดตัวเองมากกว่ายึดสิ่งข้างนอก
เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้นะ ที่บอกว่าเป็นตัวเรา เป็นชีวิตของเรานี่นะ พระพุทธเจ้าเริ่มจากพิจารณา ดูรูปนามเพราะอะไรจะได้เห็นสจัธรรมตรงนี้...เห็นจิตถ้ามองรูปข้างนอกอันนี้ขันธ์ไหนแล้วเดินอ๋อ!


































































































   899   900   901   902   903