Page 59 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเจาะสภาวะ
P. 59
237
ถ้าทาได้ การปฏิบัติก็จะก้าวหน้าได้ดี จะก้าวหน้าได้ดี มีอย่างหนึ่งเลย สิ่งที่ไม่ควรเป็น คือไม่ต้อง กังวล ไม่ต้องกังวลกับสภาวธรรมที่เกิดขึ้น ว่า เอ๊ะ!ถูกไหม ใช่ไหม ให้กาหนดรู้ว่า เอ่อ!ตอนนี้เป็นแบบนี้ แล้วเปลี่ยนเป็นแบบนี้ กาหนดรู้ตรงนี้ เปลี่ยนเป็นแบบนี้ ทาแบบนี้อย่างเดียว ไปแบบซื่อ ๆ ไปแบบ... ตามสภาวะทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ ๆ ตามสภาวะเกดิ ขนึ้ จรงิ ๆ ตอ่ ไปนนี่ ะ...ถา้ สงสยั เดยี๋ วคอ่ ยพจิ ารณาทา ความเขา้ ใจ ทีหลังได้ เข้าถึงแล้วทาความเข้าใจทีหลัง จะเป็นความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถ้าเข้าถึงธรรม เราพิจารณาถึง สภาวธรรมที่เราเข้าถึง คือ ว่างก็ว่างจริง ๆ สงบก็สงบจริง ๆ เกิดดับก็ดับเด็ดขาด เกิดดับเด็ดขาด ก็เด็ด ขาดจริง ๆ
ไม่ใช่คิดว่า ถ้าจิตมั่นคง อาการเกิดดับต้องเด็ดขาด อันนั้นไม่ได้ คิดแบบนั้นไม่ได้ เห็นชัดดับเด็ด ขาด ก็คือเด็ดขาด ดับแล้วไม่เด็ดขาดก็คือไม่เด็ดขาด ดับแล้วมีเศษก็คือมีเศษ อันนั้นคือให้รู้ตามความ เป็นจริงแบบนั้น แล้วสภาวธรรมจะเดินหน้า จะก้าวหน้าต่อไป เพราะฉะนั้น วันนี้การแสดงธรรมมา ก็เห็น ว่าสมควรแก่เวลา ก็ขอหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอให้ความเจริญในธรรมจงมีแก่โยคีทุก ๆ คน
จากนี้ไป เรานั่งสงบพิจารณาสภาพจิต ดู...เพิ่มพลังให้กับตัวเองต่ออีกนิดหนึ่ง ก่อนที่จะแผ่เมตตา กัน ทบทวนสภาวธรรมเมื่อกี้นี้ที่บอกว่า การเจาะสภาวะ ตอนนี้การเจาะสภาวะ เปลี่ยนเป็นดูสภาพจิตเรา หลังจากฟังธรรม ไล่สภาวะตามแล้ว สภาพจิตรู้สึกเป็นอย่างไร มีความตั้งมั่นขึ้น มีความสว่างขึ้น มีความ ใสขึ้น นั่นคือดูสภาพจิตต่อเนื่องไป ถ้าสภาพจิตเราใสขึ้น ตั้งมั่นขึ้น เพิ่มความนุ่มนวลละเอียดอ่อน เข้าไป ในความตั้งมั่น ในความผ่องใสนั้น
แต่ถ้าใครรู้สึกมีความผ่องใส และมีความละเอียดอ่อน มีความสุขในตัว ก็ให้นิ่ง แล้วรู้ถึงความสุข อันนั้น รู้ถึงความรู้สึกที่สุขอันนั้น ให้ความสุขนั้นมาอยู่ที่รูป ให้ความละเอียดอ่อนนั้นมาอยู่ที่รูป ให้เต็ม ถึง แม้ไม่มีรูป แต่บริเวณรูปนั้น ให้เต็มไปด้วยความสุขความละเอียดอ่อน นั่นคือการเพิ่มพลัง เป็นการทาให้ จิตที่เป็นบุญ ที่เป็นมหากุศลนั้น มีพลังมากขึ้น นิ่งนิดหนึ่ง จนพลังเต็ม ให้เต็มทั้งรูป เต็มทั้งตัว ให้ล้น จากตัว ให้เต็มทั้งศาลา ให้ดู...ยิ่งหนาแน่นขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อจิตเราเต็มไปด้วยพลังแล้ว ต่อไปเราตั้งจิตอธิษฐาน แล้วจะแผ่เมตตากัน
ในการอธิษฐานจิตทุกครั้ง ถ้าอธิษฐานให้ตัวเองก็น้อมเข้ามาใส่ตัว ก็ให้น้อมสิ่งนั้นเข้ามาใส่ตัวเรา ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลวะ เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรมและเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน
จากนั้นให้แผ่จิตที่เป็นบุญอันนี้ ให้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ ให้กว้างเท่าจักรวาล แลว้ ตงั้ จติ อธษิ ฐานแผบ่ ญุ อนั นี้ ใหก้ บั ผมู้ พี ระคณุ ทงั้ หลาย ไมว่ า่ จะเปน็ พอ่ แม่ ครบู าอาจารย์ ลกู หลาน ญาติ สนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมโลก เกิด แก่ เจ็บ ตาย เทวดาทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้และที่อื่น ๆ จง รบั รถู้ งึ บญุ กศุ ลทขี่ า้ พเจา้ ไดแ้ ผไ่ ปแลว้ นี้ เมอื่ รบั รแู้ ลว้ กข็ อใหอ้ นโุ มทนา เมอื่ อนโุ มทนาแลว้ ถา้ มที กุ ขก์ ข็ อให้ พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามีเวรมีภัยต่อกัน ก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพื่อความ เจริญความผาสุกในชีวิตตลอดไป