Page 58 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเจาะสภาวะ
P. 58
236
และสภาพจิต จิตตก...จิตมีความผ่องใสอย่างต่อเนื่อง อยู่ในบรรยากาศ มีบรรยากาศรองรับต่อ เนื่องยาวนานตลอดทั้งวัน หรือว่า จากที่มีบรรยากาศรองรับเป็นบางช่วง ครั้งละ ๑๐ นาที ๒๐ นาที ตอนนี้ เป็น ๑ ชั่วโมง เป็น ๒ ชั่วโมง เป็น ๒ ชั่วโมง มีบรรยากาศรองรับอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ ไม่ว่าจะทากิจกรรมอะไร ก็เห็นมีบรรยากาศรองรับ อันนี้ก็คือความเปลี่ยนแปลง อย่างที่บอกแล้วว่า การ ที่เราเจาะสภาวะนั้น ถึงแม้ว่าเวลาตามกาหนดรู้ แล้วเป็นเพียงผู้ดู เป็นเพียงผู้ดูอาการ เหมือนกับเข้าไม่ถึง เข้าไม่ถึง เวลาเข้าไม่ถึงแล้วเป็นผู้ดู ก็รู้ให้ชัดว่าอาการเกิดดับนั้น เปลี่ยนไปอย่างไร
ให้รู้ให้ชัดว่า อาการสภาวธรรมที่เกิดขึ้นนั้น เกิดดับในลักษณะอย่างไร เปลี่ยนไปอย่างไร พอกาลัง มากขึ้น เดี๋ยวเขาก็เข้าถึงเอง กับอีกอย่างหนึ่ง อย่างที่บอกแล้ว ถ้าเป็นผู้ดู ดับผู้ดู แล้วรู้อาการไปเลย ให้รู้ ที่อาการเกิดดับนั้นต่อไป ให้ต่อเนื่องจนอาการสิ้นสุดลง และการเจาะสภาวะที่ดี การปฏิบัติที่ดี ให้พร้อม พร้อมที่จะกาหนดรู้อาการเกิดดับ ของทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้น เป็นรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่เกิดกับใจ ไม่ว่าจะเป็นเวทนา เป็นความคิดเกิดขึ้นมา อาการเกิดดับทางกายที่เกิดขึ้น ให้พอใจที่จะเข้าไป กาหนดรู้อย่างต่อเนื่อง
ถ้าทาแบบนี้ได้ เราจะมีสภาวะให้กาหนดรู้ต่อเนื่องตลอดเวลา และทาแบบนี้ เดี๋ยวสภาวะก็จะเดิน หนา้ เราจะไมม่ เี งอื่ นไขวา่ ถา้ เปน็ อาการแบบนจี้ ะไมก่ า หนด เปน็ อาการทางกายปกตธิ รรมดา ไมต่ อ้ งรหู้ รอก อันนั้นไม่ได้นะ...ไม่ได้ เพราะอาการทางกาย กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็ต้องอาศัยอาการทางกาย อาการ ธรรมดานี่แหละ ถามว่าลมหายใจ เป็นอาการธรรมดาของร่างกายไหม ก็เป็นอาการธรรมดาของร่างกาย แต่ทาไมเราเอามาเป็นอารมณ์กรรมฐานได้ เวทนาที่เกิดขึ้น ก็เป็นอาการธรรมดาของร่างกาย แต่เอามาเป็น อารมณ์กรรมฐาน ของการเจริญวิปัสสนาได้ ความคิดก็เป็นอารมณ์ธรรมดา เป็นอารมณ์ปกติธรรมดาของ คนเรา แต่เราเอามาเป็นอารมณ์กรรมฐานได้ ทาให้จิตเรามีความพิเศษเกิดขึ้นได้ อันนี้อย่างหนึ่ง
อกี อยา่ งหนงึ่ ทเี่ รามกั จะเปน็ วา่ เดยี๋ วอาการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย มนั เปน็ เรอื่ งธรรมดาของรา่ งกาย ไมส่ ามารถ กาหนดได้ เพราะอะไร เพราะบนั่ ทอน ทา ใหเ้ รามคี วามทกุ ขก์ าย แลว้ จติ ใจไมเ่ ขม้ แขง็ หรอื ไมแ่ ขง็ แรง ทา ให้ สติไม่ดี บางทีเกิดขึ้นมาแล้ว ทาให้หมดพลัง อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเราตั้งสติให้เข้มแข็ง มีสติอย่าง เข้มแข็ง แล้วพิจารณา พร้อมที่จะกาหนดรู้ถึงอาการเกิดดับเหล่านั้น ก็จะเป็นสภาวธรรมเหมือนกัน เพียง แต่เป็นสภาวธรรมที่ปรากฏเกิดขึ้นมา ในช่วงเวลาที่สติสมาธิเรากาลังอ่อน แค่นั้นเอง
เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดขึ้นมาแบบนั้น ถ้าเราตั้งสติที่จะกาหนดรู้ ไม่ใช่บังคับนะ รู้เท่าที่กาลังมี และ ไมใ่ ชต่ อ้ งใชก้ า ลงั ใหห้ มด รอู้ ยา่ งสงบ โดยทไี่ มต่ อ้ งไปบงั คบั รกู้ า หนดรตู้ อ่ ไปเรอื่ ย ๆ เหมอื นการประคองจติ ของเรา ไม่ให้จิตตกไปฝ่ายอกุศล ไม่ให้จิตตกไปสู่ฝ่ายอกุศล จิตก็จะมีกาลัง และจิตเป็นกุศลจิตจะมีกาลัง จิตจะเพิ่มพลังมากขึ้น เติมพลังให้ตัวเองได้ง่าย แค่นิ่ง...แล้วดูจิต ความเป็นกุศลอันนั้น ดูจิตที่ดีอยู่แล้ว กาลังก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมา อย่างที่บอกว่า ให้นิ่งเป็นขณะ ๆ ๆ ๆ ไม่ต้องไปหาอย่างอื่น ให้รู้สภาวธรรม ที่กาลังเป็นอยู่เท่านั้นเอง ถ้าทาแบบนี้ การเจาะสภาวธรรมได้ต่อเนื่องแบบนี้ ลองดูว่าสภาวธรรมของเราจะ เป็นไปอย่างไร