Page 56 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การเจาะสภาวะ
P. 56
234
จติ ทผี่ อ่ งใสไดเ้ ลย นนั่ หมายถงึ วา่ อายอุ ารมณส์ นั้ ลง แลว้ เรากด็ บั เหน็ จติ ดวงใหมเ่ กดิ ขนึ้ มา เปน็ จติ ทผี่ อ่ งใส มากกว่าเดิม หรือเป็นจิตที่สุขขึ้นมาด้วย
แต่การที่เราจะมีจิตที่เป็นสุขขึ้นมาได้เลยนี่นะ จริง ๆ แล้ว มีเหตุปัจจัยมากกว่านั้น ละเอียดกว่า นั้น ก็คือว่า ทาไมอารมณ์ความทุกข์ดับไป แล้วเปลี่ยนเป็นความสุขเกิดขึ้นมาได้เลย ตรงนี้ต้องสังเกตให้ดี บางทีเราหาเหตุผลไม่เจอ ว่าทาไมถึงเป็นอย่างนั้น ที่จริงแล้วลองสังเกตดูว่า เพราะอะไรดับ...เพราะความ เข้าใจว่า การที่เห็นอาการเกิดดับ การเห็นรูปนามดับ ดับไม่เหลือเศษ เห็นจิตดวงใหม่เกิดขึ้นมาเป็นคนละ สว่ นกนั จงึ เกดิ ความปตี ิ เกดิ ความพอใจกบั จติ ดวงใหม่ จติ ดวงใหมข่ นึ้ มาจงึ เกดิ ความสขุ ความอสิ ระ หรอื ความผ่องใสเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่เกี่ยวกับความอยากหรือไม่อยาก
นั่นคือลองสังเกตดู พอเห็นแบบนั้น จิตเกิดมีความสุขขึ้นมาโดยปริยาย หรือมีความเป็นโสมนัส ข นึ ้ ม า น นั ่ ค อื ก า ร ส งั เ ก ต ร า ย ล ะ เ อ ยี ด ข อ ง ส ภ า ว ะ ท เี ่ ก ดิ ข นึ ้ เ พ ร า ะ ฉ ะ น นั ้ ต ร ง น เี ้ ก ยี ่ ว ก บั อ า ร ม ณ บ์ ญั ญ ตั ขิ อ ง เ ร า อย่างไร เกี่ยวกับอารมณ์บัญญัติ การเห็น การได้ยินของเราอย่างไร การรับรู้อารมณ์ภายนอก ที่เข้ามากระ ทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างไร เพราะว่าการรับรู้อารมณ์ภายนอก ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้า ไม่สนใจอาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เห็นไม่ชัด การเกาะเกี่ยวในรสชาติของอารมณ์ ก็จะเกิดขึ้น
ความคล้อยตาม เพลิดเพลิน เคลิบเคลิ้มกับรสชาติของอารมณ์ ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นอาการที่เกาะเกี่ยว หรือคลุกคลีอยู่กับอารมณ์นั้น ยาวนานกว่าที่จิตดวงใหม่จะเกิดขึ้น เห็น การเปลี่ยนแปลง เพราะอะไร นั่นคือการรับรู้อารมณ์ที่เป็นปัญญัติ เพราะฉะนั้นการที่เราปฏิบัติธรรม การ กาหนดรู้ ถึงอาการพระไตรลักษณ์เพื่อชาระจิตใจ จึงเป็นการที่เราใส่ใจ อาการเกิดดับของรูปนามที่เป็น ปรมัตถ์แบบนี้ จะเป็นการชาระจิตของเราได้ให้เกลี้ยง ให้สะอาดมากยิ่งขึ้น
ทีนี้ ถ้ากาหนดรู้แบบนี้ เห็นอาการชัดแบบนี้ พอถอยกลับมาจากปรมัตถ์ จากที่การเจาะสภาวะ พอ กลับมา ถอยออกมาพิจารณาอารมณ์บัญญัติทั่วไปตามปกติ การที่รับรู้อารมณ์บัญญัติตามปกติ การรับรู้ เสียง การเห็นภาพ การขยับ การกระทา คาพูด การเคลื่อนไหวต่าง ๆ นี่นะ เราจะเห็นว่า เมื่อจิตเปลี่ยน ไป เมื่อสภาพจิตเปลี่ยนเป็นความสงบ เป็นความเบา หรือผ่องใสและกว้าง แล้วอิสระขึ้น ลองสังเกตดูว่า อารมณ์ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้นเป็นอย่างไร ส่งผลกระทบให้เวทนาทางใจ ที่เกิดขึ้นนั้น ต่างไปอย่างไร เป็นทุกขเวทนาเหมือนเดิม บีบคั้นจิตใจได้เหมือนเดิม หรือว่าเปลี่ยนไปแล้ว
เพราะเห็นชัดว่า ที่จริงอาการของอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามธรรมชาติ เสียงที่เกิดขึ้น นั้นก็เป็นอยู่อย่างนั้น ตามธรรมชาตินั่นแหละ ภาพที่เห็น ก็เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีตาเห็น แต่ใจ ไม่เข้าไปเกาะเกี่ยว จิตที่เกิดขึ้นมาเป็นอย่างไร มีความสงบ มีความผ่องใส มีความสะอาด มีความอิสระ ไม่เกาะเกี่ยวกับอารมณ์อันนั้น แล้วถามว่า มีกิเลสตัวไหนเกิดขึ้นมา มีโลภะ โทสะ โมหะ กับอารมณ์ เหล่านั้นหรือเปล่า มีความหลงในอารมณ์อันนั้นหรือเปล่า และมีการคลุกคลีกับอารมณ์เหล่านั้น เหมือน เดิมหรือเปล่า