Page 12 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 12
8
เปลี่ยนแปลงเป็นไปของรูปนามที่เป็นธรรมชาติ มีการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่- ดับไป
ร่างกายนี้ที่เป็นที่ตั้งแห่งกองทุกข์ พอทุกขเวทนาทางกายเกิดขึ้น ทกุ ขเวทนาทางใจกต็ ามมา ทา ไมทกุ ขเวทนาทางใจถงึ ตามมา ? ทกุ ขเวทนา ทางใจจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเราเห็นว่าเวทนาทางกายเป็นของเรา เพราะปัญญา ที่ไม่รู้แจ้ง หรือไม่เห็นชัดถึงธรรมชาติความเป็นไปของเวทนาทางกายว่า เขาเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ของเรา แต่ถ้าเมื่อไหร่เห็นชัดถึงความเป็น คนละส่วน แยกจากกันชัดเจน แล้วจิตไม่เข้าไปเกาะเกี่ยว ไม่คลุกคลี เวทนาทางใจก็จะเป็นความสงบหรือมีความผ่องใสเกิดขึ้น อันนี้ก็คือจิต ไม่ทุกข์กับเวทนาทางกายที่ปรากฏเกิดขึ้นมา
การที่เรามีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน พิจารณาสภาวธรรมตามความ เปน็ จรงิ พอกา หนดรแู้ บบนี้ จติ ผอ่ งใส จติ สวา่ ง จติ อสิ ระเกดิ ขนึ้ นน่ั แหละ การชาระจิตของตนให้ขาวรอบ ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้งหลาย เป็นว่าตัวเราของเรา ในขณะที่รู้สึกว่าเวทนาไม่สามารถบีบคั้นจิตใจได้เลย ขณะนั้นสภาพจิตจะมีความสว่าง มีความผ่องใส มีความเบิกบานเกิดขึ้น มา นั่นแหละคือสภาพจิตที่สะอาด สภาพจิตที่ผ่องใส สภาพจิตที่สว่าง แต่ถามว่า หมดจดหรือยัง ? ถึงไม่หมดจดทีเดียว แต่ขณะหนึ่งก็ถือว่า เป็นสิ่งที่ดี
สิ่งที่สาคัญก็คือว่า ให้เรามีปัญญารู้ว่าเรากาหนดรู้อย่างไรจิตใจจึง เป็นแบบนั้นได้ เราทาอย่างไรจิตจึงคลายจากอุปาทาน ทาอย่างไรจิตจึง ไม่ทุกข์กับเวทนาที่เกิดขึ้น... แล้วการที่จะหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิงนั้นทา อย่างไร ? นี่คือสิ่งที่จะต้องพิจารณาศึกษาต่อไป อีกอย่างหนึ่ง การที่เรา ปฏบิ ตั บิ ชู าแบบนี้ สงิ่ ทเี่ ราไดค้ อื อะไร ? คอื สภาพจติ ใจของเราเองนนั่ แหละ