Page 133 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 133

ปฏิบัติดี—มีเจตนาที่มีสติกาหนดรู้อยู่กับปัจจุบัน รู้เพื่อที่จะละ อกศุ ลกรรม/อกศุ ลธรรมทงั้ หลายทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในจติ ใจของเรา และปอ้ งกนั อารมณท์ เี่ ปน็ ฝา่ ยอกศุ ลทเี่ ขา้ มากระทบทางทวารทงั้ หกไมใ่ หเ้ ขา้ มาครอบงา จิตใจของเราให้จิตเกิดความขุ่นมัวเศร้าหมองเป็นอกุศลตาม นั่นคือการ ปฏิบัติที่ถูกต้องที่ดีแล้ว มีเจตนาที่ถูกต้องที่ดีแล้ว แต่ทีนี้การปฏิบัติที่ ถูกต้องทาอย่างไร ? การรักษาจิตเราให้ดีเพื่อไม่ให้อกุศลครอบงา ไม่ให้ เกิดความทุกข์ขึ้นมา ตรงนี้แหละทาถูกต้องหรือยัง ? ทาดีแล้วหรือยัง ? มเี จตนาดแี ลว้ มเี จตนาทจี่ ะดบั ทกุ ข์ มเี จตนาทจี่ ะละอกศุ ลหรอื ไมอ่ ยากให้ อกุศลเกิด ทาถูกต้องหรือยัง ? เมื่ออกุศลต่าง ๆ เกิดขึ้นมาเราทาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจของเรา ? มีผัสสะขึ้นมา อกุศล จิตไม่ให้เกิดได้อย่างไร ?
ทีนี้ กลับมาพิจารณาดูว่า วิธีปฏิบัติธรรมของเราที่ทาอยู่ทุกวัน เรามีสติกาหนดรู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินจงกรม นั่ง สมาธิ เรากม็ สี ตกิ า หนดรถู้ งึ อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ กา หนดรอู้ ยา่ งไรถงึ จะปอ้ งกนั อกุศลได้ ? กาหนดรู้ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีตัวตน เขาเรียก “กาหนดรู้ความ จรงิ ” ตรงกา หนดรคู้ วามจรงิ ดว้ ยความรสู้ กึ ทไี่ มม่ ตี วั ตนตรงนสี้ า คญั มาก ๆ เพราะนั่นคือแนวทางที่จะละอกุศลและป้องกันอกุศลไปในตัวในขณะ เดียวกัน กาหนดอารมณ์ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีตัวตนเป็นอย่างไร ? การที่ เราเหน็ ชดั เจนถงึ ความเปน็ คนละสว่ นระหวา่ งรปู กนั นาม กายกบั ใจของเรา นแี่ หละ เราเรมิ่ จากการพจิ ารณาความจรงิ ขอ้ นี้ ปรบั ทฏิ ฐใิ หต้ รงใหถ้ กู ตอ้ ง ที่เรียกว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ
สมั มาทฏิ ฐิ คอื ความเหน็ ทถี่ กู ตอ้ งถกู ตรง เหน็ แลว้ ความทกุ ขด์ บั ไป เห็นแล้วความทุกข์ดับไป—เห็นอะไร ? เห็นรูป-นามเป็นคนละส่วนกัน
129


































































































   131   132   133   134   135