Page 14 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 14

10
อยู่ไหม...มี แล้วให้ความรู้สึกที่เบานั้นกว้างใหม่ ลืมตาแล้วให้มองไกลออกไป เรามองไกล ๆ แล้วให้จิตที่ เบา ๆ ไปเท่ากับสายตาที่เราเห็น ลองดูรู้สึกเป็นอย่างไร...เบาสบาย
ขณะที่มองมาที่อาจารย์ ให้จิตที่เบากว้างกว่าโต๊ะ กว้างกว่าอาจารย์เลย ลองดูรู้สึกเป็นอย่างไร... ได้ไหม ภาพที่เห็น รู้สึกหนักหรือเบา...เบา นี่คือการใช้กับชีวิตจริงของเรา เพราะฉะนั้นเรามองอะไรก็ตาม ที่ทาให้เรารู้สึกอึดอัด มองแล้วรู้สึกกระทบ ให้จิตที่เบากว้างกว่าภาพนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเรามอง คนที่เราไม่ชอบ ใช่ไหม...มองแล้วกิเลสเกิดเลย ลองดูถ้ามองด้วยจิตที่ว่างเบา ลองดูรู้สึกเป็นอย่างไร รู้สึก สบายใจใช่ไหม
เพราะฉะนั้นภาพที่เห็น ที่นี้ที่บอกว่าภาพก็สักแต่ว่าภาพ ไม่ใช่เขาไม่ใช่เรา แล้วกิเลสก็ไม่เกิด แต่ ถา้ เรามองวา่ คนนน้ั คนนแี้ ลว้ ใหค้ วามสา คญั ทนั ทที ใี่ หค้ วามหมายขนึ้ มา เรากจ็ ะรสู้ กึ วา่ อปุ าทานเกดิ ขนึ้ แลว้ พออุปาทานเกิดขึ้นนั่นคือการปรุงเเต่ง พอปรุงแต่งแล้วก็เป็นสัญญาเกิดขึ้นมา เรารู้อยู่แล้วว่าขณะแรก เรารู้ว่าคนนี้ช่ืออะไร แต่ถ้าเรามองด้วยจิตที่ว่างกว้างกว่าคน ถึงแม้จะจาชื่อได้แต่จะไม่มีรสชาติ รสชาติ ตรงนั้นก็เหมือนกิเลสที่เกิดขึ้น ความไม่พอใจในอารมณ์ก็คือตัวโทสะเกิดขึ้น
ทีนี้ลองดูนะ จิตแบบนี้จะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ขณะที่มองมาที่โต๊ะตรงนี้แล้ว จิตที่รู้สึกให้ กว้าง ๆ กว่าโต๊ะที่เห็น ภาพที่เห็นรู้สึกหนักเบา สังเกตไหมทาไมเขาเบาได้ ถ้าพอมีเราจะทาให้จิตแคบ กว่าโต๊ะ จะรู้สึกหนัก ๆ เริ่มหนักขึ้นนะ นี่คือเขาเรียกสติเรากาลังอ่อน กาลังของสติเรามีน้อยกว่าวัตถุ น้อย กว่ารูป เล็กกว่ารูป แคบกว่ารูป ถ้ากาลังของสติเราอ่อนเขาก็จะมีน้าหนักขึ้นมา หรือกาลังจิตของเราอ่อน เพราะฉะนั้นการปฏิบัติของเรา คือทาจิตของเราให้มีพลัง ทาสติของเราให้มีพลัง แต่พอสติมีพลัง เรานึกไม่ ออกขนาดไหนถงึ จะเรยี กวา่ มพี ลงั เพราะฉะนนั้ ลองดสู ิ พอสตเิ ราจติ เรากวา้ งกวา่ โตะ๊ รสู้ กึ อยา่ งไร เหน็ ไหม โต๊ะนี้รู้สึกหนักเบา อย่าบอกว่าทาไม่ได้อีกแล้วนะ เพิ่งผ่านไปหยก ๆ นี่คือการไล่สภาวะ
อันนี้เขาเรียกว่าไล่สภาวะ ปฏิบัติตามเลยทาตามเลยทันที โดยที่ไม่ต้องมานั่งรอคิด เดี๋ยวกลับไป ทาแล้วค่อยมาเล่า ที่ถามปุ๊บแล้วทาตามเขาเรียกไล่สภาวะตาม แล้วพิสูจน์ตามทันทีว่าเป็นอย่างนั้นไหม แล้วรู้สึกอย่างไร อาจารย์ให้ตัวเลือกแล้วนะ จริง ๆ แล้ว ไม่ต้องให้ตัวเลือกก็ได้ เราต้องรู้สึกตามความรู้สึก จริง ๆ ว่าผลตามมาเป็นอย่างไร จิตใจเรารู้สึกอย่างไรพอจิตกว้างกว่าอารมณ์
ทีนี้โต๊ะมันเล็กใช่ไหม โต๊ะเขาเล็ก ลองดูให้ใหญ่ให้กว้าง นึกถึงอาคารใหญ่ ๆ เลย ให้จิตเรากว้าง กว่าอาคารเลย ลองดูสิรู้สึกเป็นอย่างไร รู้สึกเหมือนกันไหม ใจรู้สึกหนักเบา...เบา ภาพนั้นเรื่องนั้นเบาด้วย ไหม...ภาพนั้นเบา ๆ ไปด้วย เห็นไหม ตรงนี้บอกอย่างหนึ่ง ก็คือว่าบอกอะไร บอกว่าการที่เราใช้จิตที่ว่าง รับรู้อารมณ์นั้น เราเป็นผู้ดูอยู่ข้างนอกไม่ใช่เป็นผู้รับ หรือไม่ต้องไปแบก แต่ถ้าเรามีตัวตนก็เหมือนกับ ถูกกดอยู่ตลอดเวลา เหมือนเราแบกรับรู้อะไรก็เอามาใส่บ่าเรา ใส่ตัวเราแล้วก็หนักอึ้ง เหมือนเราไม่แบก อะไรเลย แต่เดินแล้วตัวหนัก จริง ๆ มันหนักที่ใจของเรา สังเกตไหมตัวเราเหมือนเดิม แต่รู้สึกเบาขึ้น รู้สึกเบาเพราะจิตเบาจิตว่าง


































































































   12   13   14   15   16