Page 22 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 22

18
เป็นอย่างไร สงบนิ่งเบาโล่ง สบายขึ้นโปร่งขึ้นหรือว่าสงบนิ่ง มีสติมีสมาธิรู้อยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว นาน อย่างต่อเนื่องอยู่ต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือเปล่า หรือว่าเห็นแล้วรู้สึกตื่นตัวขึ้น สังเกตแบบนี้
เพราะฉะนนั้ จะเปน็ ความคดิ เปน็ เวทนา เปน็ ความโลง่ ความโปรง่ ความเบาความสขุ ถา้ ไมม่ อี ะไรเลย เหลือแต่ความสุขความเบาอย่างเดียว เราก็เข้าไปรู้จิตที่สุขที่เบานั่นแหละนะ ให้รู้ว่าความรู้สึกที่โล่งที่เบา ที่สุข ก็คือจิตของเรา ก็เข้าไปรู้จิตที่สุขอีก ยิ่งดูเข้าไปยิ่งสารวจเข้าไป จิตที่สุขกว้างแค่ไหนสบายแค่ไหน ละเอียดแค่ไหน สว่างไหมนุ่มนวลไหม หรือว่าเขาเปลี่ยนไปใสมากขึ้นหรือเปล่า นี่คือการดูจิตตนเอง
เพราะฉะนั้นให้สังเกตดี ๆ ให้เราตามรู้อาการที่เกิดขึ้น ตรงนั้นเป็นอารมณ์ปัจจุบัน จะมากจะน้อย จะเบาจะบางแค่ไหนก็ตาม ขอให้ใส่ใจ เพราะการใส่ใจเป็นการเพิ่มกาลังของสติเรา เพราะการใส่ใจเป็น การเพิ่มปัญญาของเรา จะทาให้เราเห็นอาการพระไตรลักษณ์ การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มีความชัดเจน ยิ่งขึ้นชัดเจนยิ่งขึ้น เขาเรียกเห็นแจ้งแจ่มแจ้งด้วยตัวเราเอง ด้วยสติสมาธิปัญญาของเราเอง โดยชัดแจ้ง นี่ไม่ได้คิดไม่ได้ปรุงแต่ง แต่เห็นแจ้งเห็นชัดเจนจริง ๆ เลยว่าเขาเป็นแบบนี้ เขาก็เป็นอย่างนั้นเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป มีแล้วหมดไปมีแล้วหายไป เดี๋ยวอันนี้หมดไปอารมณ์ใหม่เกิดขึ้นมา เปลี่ยนไปอีกนะ ตามรู้ ต่อเนื่องไป
สิ่งที่สาคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ให้ รู้ว่าอาการเกิดดับของแต่ละอารมณ์ เขาเปลี่ยนไปต่างไปอย่างไร แม้แต่ความเบาเขาเบาต่างจากเดิมอย่างไร ดีกว่าเดิมอย่างไร ความสุขก็เปลี่ยนไปอย่างไร เปลี่ยนเป็นดีขึ้น อย่างไร อาการเกิดดับเขาจะต่างจากเดิมอย่างไรให้สนใจตรงนี้ การที่เราสนใจถึงความแตกต่างจะทาให้ เราละเอียดมากขึ้น การสังเกตเราแยบคายขึ้นละเอียดขึ้น ถ้าเราไม่สนใจถึงความต่าง รู้แต่ว่ามีแล้วหมด มีแล้วหมด อันนี้ ความละเอียดของปัญญาเรา ความแยบคายในการพิจารณาก็ไม่เกิดขึ้น กลายเป็นว่ารู้ แบบลวก ๆ รู้แบบผ่าน ๆ รูปแบบเผิน ๆ ไป แต่ธรรมะสภาวธรรมเป็นของที่ลึกซึ้ง เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง แม้แต่ กิเลสถ้าเรารู้แต่ไม่สังเกตให้ดี ๆ เราก็จะไม่ทัน การที่เราสังเกตดี ๆ เราก็จะรู้เท่าทันอารมณ์มากขึ้น รู้เท่าทัน อารมณ์ของตัวเอง รู้เท่าทันกิเลสที่จะเกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเองได้มากขึ้นได้เร็วขึ้น
ถึงแม้ว่ากิเลสตรงนั้นจะละเอียดแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าสติเราแก่กล้า สมาธิเราตั้งมั่น ปัญญาแก่กล้า ขึ้นแล้ว ก็จะเห็นได้ชัด เมื่อเห็นได้ชัดก็จะดับได้เร็วจะดับได้เร็ว เพราะฉะนั้นให้สังเกตให้ดีนะ แต่ตอนนี้ เราอาศัยอารมณ์ อาศัยอาการที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่เป็นอารมณ์ปัจจุบัน บางครั้งไม่เรียกว่าเป็นกิเลส ด้วยซ้า ไม่มีอาการของกิเลสมีแต่อาการของรูปนาม ที่กาลังเป็นไปอยู่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับ ไป ยงั ไมม่ กี เิ ลส แตก่ ไ็ ปปรงุ แตง่ เขา้ มาครอบงา ซงึ่ เปน็ การทา หนา้ ทตี่ ามปกตติ ามธรรมชาตอิ ยู่ เพราะฉะนนั้ ให้สังเกตดี ๆ
ต่อไปอาจารย์จะไม่ใช้เสียงนะ ให้เราปฏิบัติธรรมจนกว่าจะเห็นว่าสมควรแก่เวลา ใช้เวลาประมาณ สัก ๔๐ นาที ๑ บัลลังก์ จากนั้นเราจะได้แผ่เมตตากัน...


































































































   20   21   22   23   24