Page 59 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 59

55
กว่าอารมณ์ เวทนาทางจิตเกิดขึ้น ก็กาหนดรู้แบบเดียวกันเกิดแล้วดับอย่างไร การกาหนดรู้อาการเกิดดับ เวทนาทางจิตที่เกิดขึ้น จะทาให้เราเห็นอีกอย่างหนึ่งว่า อายุอารมณ์ความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นจบเร็วแค่ไหน หมายถึงว่าถ้ากาหนดรู้อย่างไม่มีตัวตน พอมีผัสสะขึ้นมา มีความรู้สึกไม่สบายใจ ไม่พอใจขึ้นมา พอมีสติ รู้ความไม่สบายใจนั้นก็ดับไป จบได้เร็วขึ้น พอมีผัสสะกระทบอีก เกิดขึ้นอีก สั้นกว่าเดิมอีก แล้วก็เห็นว่า ผัสสะที่เกิดขึ้น เวทนาที่เกิดขึ้น ความรู้สึกปรากฏเกิดขึ้นมาในที่ว่าง ๆ อายุอารมณ์สั้นลง แต่พอมีผัสสะ มี จิตที่เป็นอารมณ์ฝ่ายกุศลเกิดขึ้น ทาให้จิตที่เป็นกุศล จิตที่มีความสุข มีความสงบ มีกาลังมากขึ้น จิตที่ดี อยู่แล้วมีความตั้งมั่นขึ้น มีความผ่องใสขึ้น มีความสว่างขึ้น มีกาลังมากขึ้น นี่ก็คือเราจะเห็นถึงผลกระทบ ที่เกิดขึ้นในการรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ
และการที่เราสังเกตเวทนาทางจิตอันนี้ เราจะเห็นว่าเวทนาทางจิต ที่ปรากฏที่เป็นทุกขเวทนา เวลา หมดไปดับไป มีเศษอารมณ์ไหม หรือว่าดับไปแล้วเกลี้ยงไปเลยไม่เหลือเศษ ไม่เหลือความ เอ่อ! เศษ อารมณ์ความไม่พอใจความขัดเคืองใจ ดับแล้วมันก็จางก็ว่างโล่งไปหมดเลย กระทบมีสติรู้ทันที เขาก็ว่าง ไปจางไป เหลอื แตจ่ ติ ทวี่ า่ งทเี่ บา หรอื เปน็ จติ ดวงใหมท่ เี่ กดิ ขนึ้ มคี วามสงบ มคี วามตงั้ มนั่ มคี วามโลง่ ความ โปร่งมากขึ้นกว่าเดิม นั่นคือการพิจารณา เขาเรียกดูจิตในจิต เวทนาทางจิต พอการรู้เวทนาทางจิตก็กลาย เป็นการดูจิตในจิต แต่การดูจิตในจิตอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า เรารู้เวทนาทางจิตแบบนี้ อาศัยเวทนานั้นแหละ ถึงจะชัดขึ้น อย่างเช่นขณะที่นั่งกรรมฐาน ที่เราเจริญกรรมฐาน ไม่มีอาการทางกายปรากฏ ไม่มีเวทนาทาง กายปรากฏเกิดขึ้นมา ไม่มีเวทนา ไม่มีอาการทางกาย ไม่มีอาการของลมหายใจ ไม่มีอาการพองยุบ ไม่มี อาการเตน้ของหวัใจแลว้มอีะไรมเีวทนาทางจติแบบไหนมคีวามสงบเกดิขนึ้ มแีตค่วามสงบความสบายมี ความสบาย นงั่ แลว้ รสู้ กึ สบาย ๆ เบา ๆ มคี วามสขุ มคี วามอมิ่ ใจเกดิ ขนึ้ มา นนั่ คอื เปน็ เวทนาทางจติ อยา่ งหนงึ่
พอดูตรงนี้กลายเป็นว่า ดูจิตในจิต เราดูอย่างไร ความสบายเป็นอะไร เป็นจิตอย่างหนึ่ง ความสุข ความสบาย ความสงบที่เกิดขึ้นมาก็เป็นลักษณะของจิตนั่นเอง วิธีการดูจิตในจิต ก็คือเข้าไปรู้จิตที่สบาย นั่นแหละ จิตที่สบาย จิตที่สงบ พอมีสติเข้าไปกาหนดรู้จิตที่สบาย จิตที่สงบ เข้าไปกาหนดรู้แต่ละขณะ จิต ที่สบายเปลี่ยนอย่างไร เปลี่ยนเป็นสบายขึ้น กว้างขึ้น หรือเข้าไปแล้วจิตจากที่สบายอยู่ สว่างขึ้น ใสขึ้น ตั้ง มั่นขึ้น พอจิตตั้งมั่น เข้าไปรู้อีกยิ่งใสขึ้นอีก จิตใสขึ้น มีสติเข้าไปกาหนดรู้ความใส ดูจิตที่ใสต่อ ๆ เนื่องไป เรื่อย ๆ ดูว่าจิตที่ใสเปลี่ยนไปอย่างไร ยิ่งดูยิ่งใส จิตที่ยิ่งใสยิ่งกว้างยิ่งสะอาด ยิ่งมีความตั้งมั่นมากขึ้น สติ ตื่นตัวขึ้น บรรยากาศรอบตัวเบาใส รูปก็ใส ที่ตัวก็ว่างไปหมด ยิ่งชัดมากขึ้นกว่าเดิม ความว่างชัดมากขึ้น กว่าเดิม นั่นคือ การดูจิตในจิต
ดตู อ่ เนอื่ งไป ถา้ จติ มคี วามสงบ เขา้ ไปในความสงบ เขา้ ไปดจู ติ ทสี่ งบแลว้ ความสงบ มคี วามหนาแนน่ ขนึ้ หนาแน่นขึ้น ๆ จนเต็มทั้งรูปเหมือนตัวนี่นะ บรรจุหรือเต็มไปตัวพลังของความสงบ หนาแน่นไม่มีรูปร่าง ของตัว แต่เต็มไปด้วยความสงบ เหลือแต่จิตที่สงบเต็มไปหมด สงบเต็มแล้วรู้สึกแน่น ทาท่าจะอึดอัด แล้ว ก็ขยายจิตที่สงบนั้นให้กว้างออก ๆ ไป ดูจิตที่สงบเอง ในจิตที่สงบมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มีสติเข้าไป กาหนดรู้ ขยายออกไปกว้างออกไป ทาให้บรรยากาศรอบ ๆ ตัว สงบไปด้วย เหมือนเรานั่งอยู่ท่ามกลาง ความสงบคนเดียว นั่งอยู่ท่ามกลางความสงบคนเดียว พอจิตที่สงบมีกาลังมากขึ้น มีอาการเกิดดับของ


































































































   57   58   59   60   61