Page 54 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การกำหนดต้นจิตอิริยาบถย่อย
P. 54
172
โยคีเกิดปัญญา เพราะว่าท่านแม่ครูตั้งคาถามอย่างเดียว การพิจารณาคือหน้าที่ของโยคี เดี๋ยวนี้...โยคีตั้ง คาถามอาจารย์อย่างเดียว แต่เวลาอาจารย์ถามปุ๊บ มันอย่างนั้น มันอย่างนี้ ตอบไม่ตรงคาถามสักที คือกว่า จะตอบตรงคาถามได้นี่นะ เหมือนกับหาทางไม่เจอ
เพราะฉะนั้นนี่ อาจารย์จึงเข้าใจว่า วิธีการ คาว่าธัมมวิจยะนี่นะ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เขาบอก ไม่ใช่สิ่ง ที่อาจารย์บอก อาจารย์บอกวิธีการคิด เข้าไปสังเกต ให้สังเกตให้ดี คาว่าสังเกตให้ดี นั่นคือ ธัมมวิจยะ เป็นการสังเกต เพื่อให้โยคีนั้นเห็นด้วยตาตัวเอง ให้ดูนะตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร ดูตรงนี้ ดูเข้าไปสิ เหมือน ว่าดูสภาพจิต ทาแบบนี้แล้ว รู้สึกเข้าไปแล้วเป็นอย่างไร มันใสขึ้น สว่างขึ้น รู้สึกเข้าไปต่อ รู้สึกไปอีก ดูสิว่า เขาเปลี่ยนอย่างไรต่อ
ที่ถามว่า รู้สึกเข้าไปอีก ดูว่าเขาเปลี่ยนอย่างไรต่อ นั่นคือเป็นวิธีการที่จะพัฒนา ให้โยคีรู้จักสังเกต และมีปัญญามากขึ้น อันนี้เกี่ยวกับอะไร เกี่ยวกับผัสสะทั้งมวล ที่เกิดขึ้นมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะผสั สะทกี่ ระทบเขา้ มา กระทบแลว้ ทา ไมเราเครยี ด กระทบแลว้ ทา ไมทกุ ข์ กระทบแลว้ ทา ไมรสู้ กึ สบาย กระทบแล้วมีความสุข รู้สึกเข้าไป ดูอะไร ดูจิตเราเป็นอะไร ผัสสะนั้นเป็นอย่างไร อารมณ์นั้นเป็นอย่างไร การกาหนดรู้ตรงนี้ จะพิจารณาสภาวะนั้นไปในตัว
แต่ที่ให้สังเกตว่า อาการเกิดดับเป็นอย่างไร กระทบแล้วดับอย่างไร กระทบแล้วดับอย่างไร นั่นคือ เจตนาให้ เอาอีกแล้วนะ...เฉลยอีกแล้วเนอะ เอ้า! เฉลยก็เฉลย ถ้าทาได้ก็ทาได้ ทาไม่ได้ก็ไม่ได้อยู่ดี คือให้ เจตนาที่เราจะ...หายไปแล้ว ถึงไหนแล้วนี่นะ ดับอย่างไร เจตนาเพื่ออะไร ทีนี้ เห็นอาการดับมาก ๆ จริง ๆ แล้ว ลองสังเกตดับแต่ละครั้ง รู้สึกอย่างไร เวลาเห็นอาการดับ นามดับจิตดับอารมณ์ดับ ดับแต่ละครั้งรู้สึก อย่างไร เวลาถามปุ๊บ โยคีจะบอก มันรู้สึกว่างไป โล่งไป เบาไป จบ...นั่นคือคาตอบ ถูกไหม...ถูก
แต่ทาไมจบง่ายจัง คาถาม...ถาม พอสังเกตแบบนี้ แล้วจะมีคาถามต่อว่า เราไม่รู้อาการเกิดดับได้ ไหม นี่คือก็รู้แล้วว่าดับแล้วว่าง ดับแล้วว่าง แล้วกลับมาถาม ว่างแล้วดีไหม...ดี แต่ถ้าเราไม่รู้อาการเกิด ดับได้ไหม สังเกตไหม ดีแล้วทาไมไม่ดู ดับ...เห็นอาการเกิดดับแล้วได้ประโยชน์อะไร คาถามนี้จะเกิดขึ้น เพราะเราไม่ได้สังเกตว่า ทุกครั้งที่เห็นอาการดับ รูปดับนามดับ จิตดับแต่ละครั้งนี่นะ จิตว่างขึ้น ใสขึ้น สงบขึ้น ต้องมีคาถามว่า ดับทาไม ดับแล้วดีอย่างไรไหม จาเป็นไหม เพราะการที่เห็นอาการดับแล้วจิตใส ขึ้นแล้ว ไม่ดีตรงไหน
คาถามคือ แล้วไม่ดีเหรอ ดับแต่ละครั้ง จิตใสขึ้น เห็นจิตดวงใหม่ขึ้นมา สว่างกว่าเดิม ใสกว่าเดิม จิตดวงนั้นไม่ดีเหรอ นี่คือ โอ้ว! ถ้าเป็นอย่างนั้น เราควรดูใหม่ ดูต่อเนื่องดีไหม แล้วถ้ารู้ต่อเนื่องต่อไป จะ เป็นอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่เราต้องสังเกต เหมือนกับว่า เวลาเราหิวน้ามาก ๆ พอได้ดื่มน้าปุ๊บ แก้กระหายได้ แล้ว พอหิวน้าอีก ก็มาถามว่าต้องกินบ่อย ๆ ไหมถ้าหิวอีก เอ่อ! จาเป็นไหม ต้องถามว่าถ้าหิวอีก หิวน้าอีก จะกินอะไรดี มันอย่างนี้ เอ่อ! ตรงนี้ เป็นอย่างนั้น