Page 45 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การน้อมพลังบุญเพื่อการอธิฐานจิต
P. 45
851
วันเวลาที่เปลี่ยนไป วัยเราเปลี่ยนไป ร่างกายก็ฟ้องมากขึ้น ก็ฟ้อง...ทาหน้าที่ของตนเอง มีความ เสื่อมไป เวทนาทางกายต่าง ๆ ก็ตามมา ไม่ใช่แค่มาแค่เวทนาทางกาย เวทนาทางจิตก็มาด้วย เพราะอะไร. เพราะจิตเป็นผู้รับหน้าที่ ที่ต้องดูแลกายนี้ ทาหน้าที่ที่ต้องดูแลรับผิดชอบกายนี้ หาอะไร...เพื่อการดารงอยู่ เดี๋ยวก็เสื่อมไปเปลี่ยนไป เดี๋ยวเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ น่าเบื่อบ้างไหม...น่าเบื่อ
บางคนรู้สึกเบื่อชีวิต แต่ไม่ใช่เบื่อโลก เบื่อชีวิต เบื่อชีวิตที่มีการเวียนว่ายตายเกิด เกิดแล้ว เดี๋ยว เกิด ตายแล้วเกิดอีก เกิดแล้วตายไป สลับสับเปลี่ยนกัน ทีนี้ก็บางคนก็ถามว่า เอ๊ะ!เราเกิดใหม่ เรามีการ เปลี่ยนแปลง ชีวิตเรามีการเกิดเวียนว่ายตายเกิดจริงหรือ เราไม่ได้เกิดอยู่ชาติเดียว แล้วตายไปก็จบ กันไป ตรงไหนที่เป็นตัวบอกว่าชีวิตนี้รูปนี้ ตายไปแล้วจะเวียนว่ายตายเกิดอีก เราเป็นผู้ปฏิบัตินี่นะ เราจะ คลายความสงสัยนี้ได้
ผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนี่แหละ ผู้เจริญสติ ผู้พิจารณาตรงนี้...เห็นสัจธรรม เห็นความ เปลี่ยนแปลงความเป็นไป เห็นธรรมชาติของรูปนาม คาว่ารูปนามกายใจ ที่บอกเป็นคนละส่วนกัน สังเกต ไหมว่า เอาง่าย ๆ นะ ใคร ๆ ก็สัมผัสได้ เห็นง่าย ๆ เลย ตัวนั่งอยู่นี่แต่ใจไปที่ไหนก็ไม่รู้ ใจไปคลุกคลีอยู่ ที่บ้าน ที่งาน ที่บุคคล ที่สิ่งของ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ตัวนั่งอยู่ที่นี่ ถามว่าตัวได้ไปไหม...ก็ไม่ได้ไป ทาไมเขา แยกกันไปได้แบบนั้น หรือแค่คิดไป
บางคนรู้สึกว่า เอ๊ะ! เราคงเป็นแค่คิดไปไหม แค่คิดไปทาไมเราลืม ลืมว่าตัวเองนั่งอยู่ที่ไหน บางที เพลิดเพลินไป จนลืมว่าตัวเองนั่งอยู่ที่ไหน อันนี้อย่างหนึ่ง พอเป็นแบบนี้ ถ้ากายไม่อยู่ จิตยังอยู่ได้ไหม หาที่อยู่ใหม่ ไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่ตามกรรม ไปอยู่ในสิ่งที่เกาะเกี่ยว เกาะเกี่ยวกับอะไร อยู่กับอะไร หรือตาย แล้วไปอยู่ที่ไหน อะไรตาย กลายเป็นว่าร่างกายนี้เสื่อมสลายไป แต่ใจยังทางาน จิตยังทาหน้าที่ของตน ๆ
เพราะฉะนั้น คนที่ปฏิบัติและแยกรูปนามได้ เมื่อพิจารณาและสังเกตก็จะเห็นว่า อ๋อ! นี่คือ...ทาไม เราจึงได้ยินว่า พระพุทธเจ้าบาเพ็ญเพียรตั้งนานนะ บาเพ็ญเพียรตั้งนาน กว่าที่จะสาเร็จบรรลุเป็นสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ ที่ผ่านไปแล้ว หรือที่ยังไม่มาจุติ ยังไม่มาอุบัติ ยังไม่มา จุติเกิดขึ้นก็ตาม เราก็มักจะเคยได้ยินว่า ต้องบาเพ็ญเพียร บาเพ็ญเพียรบารมีต่าง ๆ เพื่อที่จะสั่งสมความดี
โดยเฉพาะสั่งสมความดีต่าง ๆ ให้เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ปัญญาบารมี ที่รู้ทางที่จะออก จากทุกข์ ที่จะตรัสรู้ถึงความดับทุกข์ แล้วเราก็จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าต่าง ๆ เราได้ยินมาเสมอว่า แต่ละ พระองค์นั้น ทรงตั้งจิตอย่างแน่วแน่ ตั้งจิตอย่างแน่วแน่ที่จะบาเพ็ญเพียร เพื่อแสวงหาทางออกจากทุกข์ หรือความดับทุกข์ นั่นคือการตั้งจิตตรงนั้นแหละ คือการอธิษฐานจิต ถามว่าการอธิษฐานจิต หรือการตั้ง เจตนามีความแน่วแน่ มีความมุ่งมั่นตั้งมั่นในคาอธิษฐานของตน มีผลสาคัญแค่ไหน จริง ๆ แล้ว มีผล สาคัญอย่างยิ่งนะ
เวลาเราปฏิบัติธรรม เวลาเราอธิษฐานจิต ถ้าเราสังเกตดูได้เลย อันนี้พื้น ๆ ง่าย ๆ นะ เวลาเรานั่ง กรรมฐาน ยกจิตหรือเราทาจิตให้ว่าง ๆ ให้นิ่ง ๆ ถึงแม้ไม่ยกจิตขึ้นสู่ความว่างก็ตาม แต่ถ้าเราตั้งสติ นิ่ง...