Page 7 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การน้อมพลังบุญเพื่อการอธิฐานจิต
P. 7

813
ทีนี้ “รูป” ที่รูปหรือที่ตัวของเรา รูปเปลี่ยนไปอย่างไร ? เพราะรูปนามอาศัยกัน รูปภายนอกเป็น อารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนึ่ง แล้วก็รูปอันนี้ร่างกายนี้เปลี่ยนไปอย่างไร ? ตอนนี้เป็นยังไง ? รูปตอนนี้กําลังล้ํา ออ่ นแรงจะหลบั แหลไ่ มห่ ลบั แหล่ จะเพมิ่ พลงั ยงั ไงดี!? โยมศกั ดาเคยบอก โอว! ตอนทํา มพี ลงั เพมิ่ พลงั พอ หยุดทําปุ๊บพลังหําย! เติมแล้วอยู่ได้ไม่นาน รู้สึกสดชื่นขึ้นมา แป๊บเดียว...แฟบไปอีกแล้ว! อันนี้อย่างหนึ่ง นะ “ภาชนะ” ภาชนะที่รองรับไม่เหมือนตอนหนุ่ม ๆ เพลียแป๊บเดียวก็ฟื้นตัวเร็ว ภาชนะคือร่างกายนี้ ถ้า ร่างกายไม่แข็งแรงไม่สมบูรณ์ ใช้แป๊บเดียว...หมด! เหมือนแบตเตอรี่ใกล้เสื่อม ชาร์จเต็มเลย ใช้แป๊บเดียว หมด เห็นชัด ๆ เลย
ถ้าแบตเตอรี่ซื้อมาใหม่ ๆ ชาร์จแบตแล้วใช้ได้นาน ทีนี้ว่าแบตเตอรี่เส่ือม เหมือนกับบางคนสติ ยังดี ยังรับรู้ได้ สติดี ใจดี ใจยังสงบ ไม่มีกิเลสครอบงาเลย มีอย่างเดียวคือตัวง่วง ตัวง่วงเป็นกิเลสไหม ? เขาเรียกว่า “ถีนมิทธะ” ใช่ไหม ? จริง ๆ ถามว่า “ง่วงเพราะรูปล้า” กับ “ง่วงเพราะกิเลส” นี่ต่างกันอย่างไร ? อันนี้ลองสังเกตดูนะ อย่าคิดว่าเป็นกิเลสทั้งหมดนะ เอาให้แน่! ความง่วงเหงาหาวนอน จะทางานก็ง่วง อันนี้ช่วยกันพิจารณา ถ้าง่วงเมื่อไหร่แล้วเป็นกิเลส คนคงไม่ต้องนอน! งั้นคนเราก็ผิดธรรมชาติ นอนไม่ ได้... มีใครบ้างที่ไม่นอน ?
แต่ถ้ามากเกินไป...กิเลสนะ! ตื่นแล้วแต่ก็ยังอยากนอนต่ออยู่นั่นแหละ กิเลสแล้ว! พอจะนอนก็ ไม่หลับ พอจะตื่นก็ไม่ยอมตื่น จิตตื่นแต่กลัวล้ากลัวร่างกายเพลีย ก็เลยไม่ยอมตื่นตามจิตที่ตื่น พยายาม ฝืนที่จะหลับ บังคับให้มันนอน กว่าจะหลับได้ก็ใช้เวลานาน...จนถึงเวลามันง่วงนั่นแหละถึงได้ หลับ สังเกต ไหม ตื่นแล้วนอนไม่หลับ นอนเล่น ๆ ไปตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่หลับ พอกาลังจะลุก อ้ําว! ง่วงอีกแล้ว ถึงเวลาเขาง่วงไง จริง ๆ แล้วคนเราจะหลับอย่างมากเลยสามชั่วโมง แล้วเขาก็จะรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วหลับ ต่ออีก หลับเป็นระยะ ๆ ลองสังเกตดูสิ
ถ้าเรานอนสักสี่ชั่วโมงแล้วตื่น ถือว่าธรรมดาเลยนะ ใช่ไหม ? หนึ่งเขาตื่นตอนตีสองออกมาเดิน จงกรม นอนแล้วก็ตื่นขึ้นมาตอนดึก ๆ แล้วเดินจงกรม เมื่อก่อนก็ทา สมัยก่อนก็เป็นอย่างนี้ เรานอน สักสี่ทุ่ม ตื่นตีสอง มาห้องนี้มาเดินจงกรม ตีสี่ก็เข้าไปนั่งพัก ตีห้าพอทาท่าเคลิ้ม ๆ ก็ลุกขึ้นมาเดิน สลับกัน ทุกวัน ๆ เราก็ทาเป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องธรรมดา นึกถึงสานวนที่ว่า “บัณฑิตนอนสี่ เศรษฐีนอนหก ยาจก นอนแปด” ไม่เข้าใจความหมายเขาหรอก สานวนโบราณนะ ไม่ทราบใครเป็นคนเขียน แต่พออายุมากขึ้น ไม่เกี่ยวกันแล้ว จะนอนน้อยลงกัน เพราะฉะนั้น เวลาเรามาปฏิบัติ ปฏิบัติจริง ๆ
สังเกตนะ สานักเรานี่ตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีการปฏิบัติเล่น ๆ ไม่ใช่ปฏิบัติแบบไม่มีเป้าหมายไม่ใช่ ปฏิบัติแค่อยากได้บุญ เป้าหมายว่าได้บุญนี่ข้ามไปได้เลย ปฏิบัติธรรมเป้าหมายไม่ใช่เพื่อได้บุญ แต่ ปฏิบัติธรรมเป้าหมายเพื่อได้นิพพาน เพื่อการหลุดพ้น เพราะฉะนั้น มาแล้วนี่ทุกคนมีเป้าหมายแบบนี้ ปฏบิ ตั แิ ลว้ ปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ ถา้ ใครรสู้ กึ วา่ ปฏบิ ตั ไิ ปอยา่ งนนั้ แหละ...เดยี๋ วลา บาก! เกดิ ชาตหิ นา้ กย็ งั ตอ้ งลา บาก อกี ยงั ตอ้ งไปเกดิ อกี ไมด่ !ี ตอ้ งปฏบิ ตั แิ ลว้ เอาจรงิ ใหเ้ วลากบั ตวั เองเตม็ ที่ เราไมไ่ ดม้ าสงั่ สมแคบ่ ารมี แตม่ า เพอื่ พฒั นาปญั ญาของเราใหด้ ยี งิ่ ขนึ้ เพอื่ ทจี่ ะเขา้ สมู่ รรค ผล นพิ พานโดยตรง เพอื่ เปา้ หมายสงู สดุ ของเรา


































































































   5   6   7   8   9