Page 82 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 82
942
เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าในการปฏิบัติธรรม สภาวธรรมเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์ไหน ถ้าสภาพ จิตหรือสติสมาธิเรามีกาลังระดับหนึ่ง อาการเหล่านี้จะปรากฏเกิดขึ้นเอง โดยที่เราไม่ต้องไปบังคับ ไม่ต้อง พยายามหาอย่างอื่น เพราะอาการเหล่านี้เป็นอารมณ์ปัจจุบัน อาการที่ปรากฏเกิดขึ้นนี้อาศัยกาลังของสติ- สมาธิ-ปัญญาที่กาลังเป็นอยู่ หมายถึงสติเรามีกาลังขนาดนี้ สมาธิมีกาลังขนาดนี้ อาการแบบนี้ก็ปรากฏขึ้น มา แต่เมื่ออาการเกิดดับในลักษณะอย่างนี้ปรากฏขึ้นมา การเข้าไปพิจารณาเพื่อที่จะพัฒนาปัญญาของเรา ก็คือ การที่มีเจตนาเข้าไปกาหนดรู้ว่าอาการเกิดดับที่กาลังปรากฏอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ เขาต่างจากบัลลังก์ก่อน หน้านี้อย่างไร ต่างจากเมื่อช่วงบ่ายอย่างไร และเกิดดับอย่างไร
ทุกครั้งที่พูดถึงการกาหนดรู้อาการเกิดดับตามสภาวะของตนของตนอยู่นี้ ให้สังเกตว่าจิตที่ ทา หนา้ ทรี่ อู้ าการเกดิ ดบั ทกี่ า ลงั ปรากฏอยนู่ นั้ เกดิ ดบั ไปพรอ้ มกนั (กบั อาการ)หรอื ไมใ่ นแตล่ ะขณะ ในแตล่ ะ ขณะ... ในแต่ละขณะ ในที่นี้หมายถึงว่า อาการเกิดดับมีอาการผุดขึ้นมาแล้วดับไปขณะหนึ่ง ผุดขึ้นมา แล้วดับไปอีกขณะหนึ่ง แต่ละขณะแบบนี้ จิตที่ทาหน้าที่รู้ดับไปด้วยหรือไม่ อันนี้ต้องเชื่อมโยงกันตรงที่ว่า การที่เรากาหนดอาการเกิดดับ ให้สติอยู่ที่เดียวกับอาการ หรือเข้าให้ถึงอาการ จะทาให้เห็นว่าเมื่ออาการ ดับนั้นจิตดับหรือเปล่า “เห็น” ในที่นี้คือ รู้สึก ณ ขณะนั้นทันที อยู่ที่เดียวกับอาการ ให้สังเกตแบบนี้อย่าง ต่อเนื่อง
ตามหลกั ของการปฏบิ ตั ิ การกา หนดรใู้ นลกั ษณะอยา่ งนไี้ ปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง พออาการเกดิ ดบั นนั้ หมด ไปหรือหายไปแม้ชั่วขณะหนึ่ง... อย่างเช่น เรากาหนดอาการเกิดดับนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณสักสิบขณะ แลว้ กว็ า่ งไปเบาไป อาการเกดิ ดบั นน้ั หายไปอดึ ใจหนง่ึ เราสามารถสงั เกตสภาพจติ ไดว้ า่ ขณะทอ่ี าการเกดิ ดบั นน้ั สน้ิ สดุ ไปอดึ ใจหนง่ึ ...สภาพจติ ใจเปน็ อยา่ งไร อนั นคี้ อื การดสู ภาพจติ คอื ผลทตี่ ามมาวา่ สภาพจติ เปลย่ี น เป็นนิ่งข้ึน เปล่ียนเป็นเงียบมากข้ึน เปล่ียนเป็นสงบขึ้น เปล่ียนเป็นความมั่นคงขึ้น โปร่งขึ้นโล่งขึ้น สว่างขึ้น หรือเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดไปเลย อันนี้ก็ต้องรู้ชัด
นั่นคือผลที่เกิดขึ้นจากการตามกาหนดรู้อาการเกิดดับที่เป็นสภาวธรรม เรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ อาการพระไตรลักษณ์/อาการเกิดดับของรูปนามนั่นเอง อาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นผลโดยตรง คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีสติกาหนดรู้ชัดในอาการที่กาลังปรากฏ เห็นอาการเกิดดับที่กาลังเป็นไปอยู่ ผลจะเกิดขึ้น กบั จติ ใจเราโดยธรรมชาติ เราจะรสู้ กึ ไดเ้ ลยวา่ พอตามรอู้ าการเกดิ ดบั ทอี่ ยขู่ า้ งหนา้ หมดไป จติ รสู้ กึ อยา่ งไร อันนั้นจะเป็นผลทันที รู้สึกสงบ รู้สึกตั้งมั่น รู้สึกเบา รู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึกอึดอัด... สามารถรู้สึกได้ทันที โดยที่ไม่ต้องหา อันนี้ยังไม่ต้องไปตีความว่าหมายความว่าอย่างไร แต่นั่นคือผลที่เกิดขึ้นว่ารู้สึกแบบนี้ รู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึกเบา รู้สึกสงบ...
ทนีี้การทเี่ราเหน็ถงึความเปลยี่นแปลงเหน็อาการเกดิดบัของรปูนามแบบนี้การพจิารณาสภาวธรรม/ การที่กาหนดรู้ถึงการเกิดดับของรูปนามเป็นอะไร ? รูปนามที่พูดถึง สภาวธรรมที่ปรากฏนั้น คือธรรมชาติ ของกายของจิต เป็นธรรมชาติของชีวิตเรา เป็นอาการของรูปนามขันธ์ห้า เป็นขันธ์ขันธ์หนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา มีการเปลี่ยนแปลงเกิดดับตลอดเวลา ทีนี้ ถ้าเราพิจารณาต่ออีกว่า ในเมื่ออยู่ในกฎไตรลักษณ์แบบนี้ มีการ