Page 118 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 118
426
ใหม้ ากทส่ี ดุ นน่ั แหละ คอื วธิ กี ารทจี่ ะตดั ปฏจิ จสมปุ บาท คอื ตดั การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ไป อยา่ งเชน่ พอมผี สั สะ มีเวทนา แล้วดับเวทนา ตัณหา อุปาทานไม่เกิด เขาก็ตัดช่ัวขณะน้ัน ตัณหา อุปาทานไม่เกิดก็ถูกตัด มีผัสสะ มีเวทนาแล้วก็ดับไป ตัณหาอุปาทานไม่เกิด ความทุกข์ไม่เกิด โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสไม่เกิด ก็ตัดแบบน้ีเร่ือย ๆ ๆ เขาก็จะหยุด เพราะน่ันคืออะไร คืออารมณ์ปัจจุบันท่ีเราทาได้
ส่ิงท่ีเป็นอดีตเขาผ่านมาแล้ว ส่ิงท่ีเป็นอนาคตก็ยังไม่มา เพราะฉะนั้น ส่ิงท่ีทาได้คือปัจจุบัน ปัจจุบัน ขณะ ท่ีเราสามารถรู้ได้ ณ ตอนน้ี ณ ขณะน้ี อีก ๒ นาที ก็ยังไม่เกิด ๒ นาทีท่ีผ่านมา ก็ผ่านไปแล้ว เพราะ ฉะน้ัน ขณะน้ีจริง ๆ ท่ีเราสามารถกาหนดรู้ ถึงอาการเกิดดับของอารมณ์น้ันได้
สุดท้ายนี้ การแสดงธรรมมาก็สมควรแก่เวลา ก็ขอหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความเจริญในธรรม จงมีแก่โยคีทุก ๆ คน เจริญพร
เมื่อได้ฟังธรรม ทาจิตใจของเราให้เบิกบาน ให้ผ่องใส ต่อไปให้เราทาใจให้ว่าง จิตที่ผ่องใสแล้ว น้อมถึงความดีที่เราได้ทา น้อมเข้ามาใส่ใจของเราให้เต็ม ก่อนที่จะแผ่เมตตา อย่างที่เคยบอกแล้วว่า การ แผ่เมตตา คือการแผ่ความสุข การแผ่ความปรารถนาดี ให้ผู้อื่นมีความสุข การที่จะให้ความสุขกับคนอื่น ได้ ตัวเราเองก็ต้องมีความสุข เพราะฉะนั้น ความสุขที่จะเกิดขึ้น เกิดจากอะไร เกิดจากความดีที่เราเคยทา อาหารจิตของเรา อาหารของจิตก็คือความดี เมื่อไหร่ที่มีความดีเกิดขึ้น จิตก็จะมีความสุข มีความอิ่มใจ มีความสบายใจ
เพราะฉะนนั้ จงึ ใหน้ อ้ มระลกึ นกึ ถงึ บญุ กศุ ลทเี่ ราทา ความรสู้ กึ ดที เี่ คยไดท้ า นอ้ มเขา้ มาใสใ่ จทวี่ า่ ง ๆ บริเวณหัวใจของเรา บริเวณหทยวัตถุ ให้เต็ม ให้เต็มทั้งตัว แล้วก็ให้ล้นจากตัว ให้กว้างออกไป เมื่อรู้สึกว่า จติ เราเตม็ ไปดว้ ยพลงั บญุ แลว้ มคี วามอมิ่ มคี วามหนาแนน่ มคี วามสบาย มคี วามผอ่ งใสเกดิ ขนึ้ พลงั บญุ นนั้ ม อี า น ภุ า พ เ พ ร า ะ ฉ ะ น นั ้ ข อ ใ ห เ้ ร า ต งั ้ จ ติ อ ธ ษิ ฐ า น ใ ห ก้ บั ต น เ อ ง ด ว้ ย อ า น ภุ า พ แ ห ง่ บ ญุ น ี ้ จ ง ม า เ ป น็ ต บ ะ เ ป น็ พ ล ว ะ เป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน
จ า ก น นั ้ ใ ห แ้ ผ จ่ ติ ท เี ่ ป น็ บ ญุ น ี ้ ใ ห ก้ ว า้ ง อ อ ก ไ ป อ กี ใ ห ก้ ว า้ ง อ อ ก ไ ป ไ ม ม่ ขี อ บ เ ข ต ไ ม ม่ ปี ร ะ ม า ณ ใ ห ก้ ว า้ ง เท่าจักรวาล ถ้าเราต้องการแผ่ความสุขให้ใคร ก็สามารถระลึกถึงบุคคลนั้น ก็ส่งความสุขนี้ไป ไม่ว่าจะเป็น ลูกหลาน พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ใครก็ตามที่เราสามารถระลึกได้ ก็สามารถส่งบุญนี้ได้เลย
เมื่อเราแผ่จิตที่เป็นบุญอันนี้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณแล้ว ให้ตั้งจิตอธิษฐาน แผ่บุญ กศุ ลนใี้ หก้ บั ผมู้ พี ระคณุ ทงั้ หลาย ไมว่ า่ จะเปน็ พอ่ แม่ ครบู าอาจารย์ ลกู หลาน ญาตสิ นทิ มติ รสหาย เพอื่ นรว่ ม โลก เกิด แก่ เจ็บ ตาย เทวดาทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้และที่อื่น ๆ จงรับรู้ถึงบุญกุศลที่ข้าพเจ้า ได้แผ่ไปแล้วนี้ เมื่อรับรู้แล้วก็ขอให้อนุโมทนา เมื่ออนุโมทนาแล้ว ถ้ามีทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามีเวรมีภัยต่อกัน ก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพื่อความเจริญความผาสุก ใน ชีวิตต่อไป