Page 122 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 122
430
จิตใจ แต่เห็นว่าเสียงที่เกิดขึ้นมาแล้วดับอย่างไร ดับอย่างไร อันนี้ รู้แล้วก็ดังขึ้นมา...แล้วดับ เสียงแบบนี้ ดีไม่ดีแล้วก็ดับไป การที่กาหนดรู้แบบนี้นี่นะ ถามว่าถ้าเราปฏิบัติธรรม กาหนดรู้แบบนี้เราได้อะไร สิ่งที่เรา ต้องรู้นะ เราปฏิบัติ...จริง ๆ คาถามเราได้อะไร อันที่จริงคาถามเราปฏิบัติทาไม ปฏิบัติเพื่ออะไร การที่มีสติ แบบนี้เพื่ออะไร
เราปฏบิ ตั ธิ รรมเพอื่ ทจี่ ะไมท่ กุ ข์ อะไรทเี่ ปน็ เหตใุ หท้ กุ ขบ์ า้ ง ความคดิ หรอื เสยี งทเี่ คยเกดิ ขนึ้ เมอื่ กอ่ น ที่ทาให้เราทุกข์ ตอนนี้พอรับรู้ด้วยจิตที่ว่าง ๆ ให้เสียงนั้นเกิดขึ้นอยู่ในที่ว่าง หนึ่ง จิตที่ว่าง ๆ กับเสียง อัน นี้ละเอียด ตรงนี้พิจารณาแล้วก็จะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ว่า จิตที่ว่าง ๆ เสียงที่เกิดขึ้นอยู่ในที่ว่าง ๆ เกิดดับมี ความชัดเจน มีความชัดเจนแบบไหน เกิดดับอย่างไร อันนี้ถ้าเราเจาะสภาวะนี่นะ เรามุ่งไปที่อาการเกิดดับ ของเสียงเองว่า เกิดดับในลักษณะอย่างไร อย่างเช่นเมื่อกี้นี้ เป็นคลื่น เป็นแท่ง หรือแค่แว็บดับ ๆ
ทีนี้ อาการเกิดดับของเสียงนี่นะ ไม่ใช่แค่เห็นว่า อ๋อ! มันแว็บดับ ๆ อยู่ในที่ว่าง ๆ ก็พอแล้ว ไม่ใช่ เหน็ แบบนนั้ แลว้ พอแลว้ เหน็ เกดิ ดบั อยใู่ นทวี่ า่ ง ๆ ตอ้ งสงั เกต การเจาะสภาวะ กค็ อื การตามกา หนดรอู้ ารมณ์ อย่างต่อเนื่อง เสียงที่เกิดอยู่ในว่าง ๆ นี่นะ แว็บดับ ๆ ทีนี้พอเห็นเกิดดับอยู่ในที่ว่าง ๆ สิ่งที่เราพิจารณาก็ คือว่า เสียงที่เกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ นี่นะ ไม่กระทบจิตใจ ไม่ทาให้จิตขุ่นมัว แล้วเห็นอาการเกิดดับ เห็นอาการ เสียงนั้นเกิดดับอยู่ในที่ว่าง ๆ แล้วมุ่งไปที่อาการเกิดดับของเสียง ให้มุ่งไปที่อาการเกิดดับของเสียง เพราะ เสียงนั้นไม่มีผลให้กิเลสเกิด อกุศลไม่เกิดแล้ว เอาเสียงนั้นมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน
ดว้ ยการเขา้ ไปกา หนดรเู้ สยี งนนั้ เกดิ ดบั อยา่ งไร ในขณะทมี่ งุ่ ไปรอู้ าการเกดิ ดบั ของเสยี งนนี่ ะ ไมต่ อ้ ง หว่ งเรอื่ งความกวา้ งของสภาพจติ ไมต่ อ้ งหว่ งเรอื่ งของความรสู้ กึ บรรยากาศทกี่ วา้ งของ เออ่ ! ของความรสู้ กึ เราหรอื สภาพจติ เพราะขณะทมี่ งุ่ ไปทอี่ าการนนี่ ะ โฟกสั ไปตรงนนั้ รอู้ าการเกดิ ดบั อยา่ งเดยี ว รวู้ า่ อาการเกดิ ดับของเสียงเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ แต่ขณะที่มุ่งไป รู้เกิดดับ ๆ ๆ พออาการเกิดดับหมดไปแล้วนี่นะ พออาการ เกิดดับของเสียงจบปึ้บ ความว่างเมื่อกี้นี้ กลับมาดูใหม่ว่า บรรยากาศของความรู้สึกที่ว่างเมื่อกี้นี้ เปลี่ยนไป อย่างไร
จากที่ว่าง ๆ เบา ๆ เปลี่ยนเป็น...แบบไหน มีความใสขึ้นกว่าเดิม มีความสว่างมากขึ้นกว่าเดิม มี ความโล่งมากกว่าเดิม มีความเบามากกว่าเดิม นั่นรู้ผลที่ตามมาอีกทีหนึ่ง แล้วก็รู้ รู้แบบไหน กว้างแค่ไหน กว้างเท่ากับตอนแรก ที่เรารู้ว่าบรรยากาศที่รองรับ ที่รอบรับเสียงในที่ว่าง ๆ นั้น กว้างแค่ไหน นี่คือกลับ มาดูสภาพจิต กลับมาดูสภาพจิต ทีนี้พอกลับมาดูแล้วจิตมีความผ่องใส มีความตั้งมั่นมากกว่าเดิม เราก็ดู จิตที่ตั้งมั่น นิ่ง...อยู่ในบรรยากาศของความผ่องใสนี่นะ
พอนงิ่ อยใู่ นบรรยากาศของความผอ่ งใสสกั ระยะหนงึ่ มเี สยี งใหมเ่ กดิ เขา้ มา ทนี มี้ เี สยี งดงั เกดิ ขนึ้ อกี เขา้ ไปรอู้ าการเกดิ ดบั ของเสยี งใหมว่ า่ เสยี งทเี่ กดิ ดบั อาการเกดิ ดบั ของเสยี งชดุ นี้ เกดิ ดบั ในลกั ษณะอยา่ งไร ต่างจากเดิมอย่างไร ตรงนี้...เจาะสภาวะ ถ้ามีโอกาสกาหนดแบบนี้ มีเจตนาที่จะรู้ว่า...ดูสิว่า อาการเกิดดับ ของเสียงครั้งนี้ต่างจากเดิมอย่างไร ให้กาหนดในลักษณะเดียวกัน หลักการเดียวกัน ทีนี้ ยกตัวอย่างของ เสียงในการกาหนดสภาวะ เพราะฉะนั้น การที่เรากาหนดแบบนี้ เรารู้ว่ากาหนดอะไร