Page 155 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 155
463
ตรงนั้นแหละ การกาหนดรู้ จะได้เห็นว่า อ๋อ!เพราะมีตัวตน มีความเป็นเรา มีความกลัว มีความ เกลียด มีความอยากเกิดขึ้น ทาให้จิตใจไม่สงบ ทีนี้เวลากาหนดรู้สภาวธรรม อย่างที่บอกตอนแรก วิธีทา ทาอย่างไร การที่พูดไปเมื่อกี้นี้ หนึ่ง คือรู้ว่าเขาเกิดดับอย่างไร ไมว่าจะเป็นลมหายใจ ไม่ว่าจะเป็นอาการ เต้นของหัวใจ เป็นเวทนา เป็นความคิด บอกว่าเขาเกิดดับอย่างไร นั่นคือ ตามรู้อาการพระไตรลักษณ์
อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ถ้าเรากาหนดรู้ ยังไม่เห็นอาการเกิดดับเลย ไม่เห็นว่าความคิดดับอย่างไร แต่จุดหนึ่งที่พึงสังเกตก็คือว่า เวลาหายใจเข้าออก สังเกตว่า สติหรือจิตที่ทาหน้าที่รู้ลมหายใจ จิตที่ทา หน้าที่รู้ลมหายใจกับลมหายใจ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน ให้สังเกตแบบนี้ เจตนาที่จะรู้ว่า ลมหายใจเข้าออกกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน พอมีความปวด มีเวทนาเกิด ขึ้นมา สังเกตดูว่าจิตที่ทาหน้าที่รู้ความปวด จิตที่ทาหน้าที่รู้กับความปวด เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละ ส่วนกัน พอคิดขึ้นมา มีความคิดขึ้นมา สังเกตจิตที่ทาหน้าที่รู้ว่าคิด กับความคิด เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือ คนละส่วนกัน
ให้สังเกต ไม่ใช่บังคับ สังเกตเพราะ ธรรมชาติเขาทาหน้าที่ของเขา แค่มีเจตนาสังเกตดูว่า เป็นส่วน เดียวกันไหม เป็นอันเดียวกัน หรือคนละอย่างกัน เป็นคนละส่วนกัน สังเกตแบบนี้ สังเกตซ้า ๆ ๆ บ่อย ๆ ทุกครั้งที่เกิดขึ้นมา เพราะอะไร การที่เรารู้ทีเดียวแล้วก็ข้ามไป ต่อไปพอเกิดขึ้นมาอีก ไม่ได้สนใจ จิตเราก็ ไปยึดเอาความคิด เป็นส่วนเดียวกับความคิดอีก ความทุกข์ก็เกิดขึ้นมาอีก ก็จะเกิดขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้น กาหนดรู้ในลักษณะอย่างนี้ นี่คือหลักการ นี่คืออารมณ์หลักในการเจริญกรรมฐาน
เพราะฉะนั้นเวลานั่งสมาธิ เวลาปฏิบัติธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิ อารมณ์ ๔ อย่างนี้ เป็นอารมณ์ หลักสาหรับผู้เจริญกรรมฐาน เป็นอารมณ์หลัก จะเดินจงกรม นั่งสมาธิ ดูกาย รู้เวทนา ดูจิต แล้วก็รู้ธรรม ดูสภาวธรรมที่เกิดขึ้น ทาไป สลับกันไป อะไรเกิดขึ้นมาให้พอใจ ให้มีสติตามกาหนดรู้ นี่คือหลักการของ การเจริญกรรมฐาน เพราะฉะนั้น ขอให้เราตั้งใจ รู้แล้วว่าสิ่งที่เราต้องทา คืออะไรบ้าง ๆ ทาอย่างไร อารมณ์ ทเี่ กดิ ขนึ้ เราควรทา อยา่ งไร ถา้ เปน็ แบบนี้ เมอื่ เรามเี จตนาชดั เจนแบบนี้ มเี ปา้ หมายชดั เจนแบบนี้ ตอ่ ไปเวลา ปฏิบัติธรรมก็ให้กาหนดรู้ มีเป้าหมายแบบนี้เป็นสาคัญ
จะไดไ้ มต่ อ้ งไปกงั วลวา่ ทา ไมปฏบิ ตั อิ ยดู่ ี ๆ มแี ตค่ วามปวดรบกวน ปฏบิ ตั แิ ลว้ มแี ตค่ วามคดิ รบกวน สติ...ทาไม่ได้เลย คาว่าปฏิบัติไม่ได้จะน้อยลง รู้แต่ว่าตอนนี้ช่วงนี้ ความคิดเยอะ ช่วงนี้มีเวทนาเยอะ ตอน นี้ว่างสงบ ไม่มีความคิดรบกวนเลย ไม่มีเวทนาเลย มีแต่จิตที่ว่างสงบ มีแต่ความเบา ความใส ความสบาย เกิดขึ้น ก็จะได้ดูจิตในจิตต่อไป ให้รู้ต่อไปว่าเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ขอให้เราตั้งใจกัน เรามีเวลาไม่มาก ในการปฏิบัติธรรม ในคอร์สหนึ่ง ๆ ในปีหนึ่ง ๆ บางที บางคนจะรู้สึกว่า บางคน วันหนึ่ง ปีหนึ่ง ได้มีเวลา ปฏิบัติครั้งเดียว หรือมีช่วงเดียวที่ได้สนใจธรรมะ
ให้เวลากับตัวเอง ธรรมะเป็นสิ่งสาคัญกับชีวิต เป็นแนวทางที่จะทาให้ชีวิตเรา คลายจากทุกข์ หรือ ดับทุกข์ แต่ในขณะเดียวกัน ความสาคัญตรงนี้ กลับมีเวลาให้กับเขาน้อย เพราะฉะนั้น เวลาน้อยนิด ขอให้ เราตั้งใจกัน ปฏิบัติธรรม ขอให้ทาด้วยความพอใจ ไม่ได้ทาด้วยความเครียด ไม่ได้ปฏิบัติด้วยความเครียด