Page 203 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 203
511
พระพุทธเจ้ายังให้เรา เวลาจะพูดอะไร ๆ ก็ประกอบด้วยเมตตาซึ่งกันและกัน เวลาจะทาอะไร ๆ ก็ ให้ประกอบด้วยเมตตาซึ่งกันและกัน จะคิดอะไรก็ต้องประกอบด้วยเมตตาซึ่งกันและกัน มีความปรารถนา ดีต่อกันเป็นที่ตั้ง ความปรารถนาดีอันนั้น เพื่อเกื้อกูลอะไร เพื่อเกื้อกูลแก่ธรรม เพื่อความเจริญงอกงามใน ธรรมนนั่ เอง เพราะฉะนนั้ การพจิ ารณาสภาวธรรม ความตอ่ เนอื่ ง นอกจากจะเปน็ สภาวธรรม ทเี่ ปน็ อารมณ์ ปรมัตถ์ที่เกิดขึ้น อาการเกิดดับที่เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่จะทาให้เราดับอารมณ์ได้เร็วก็คือ สภาวธรรมที่เกิดขึ้น อาการ พระไตรลักษณ์ อาการเกิดดับของรูปนาม ที่กาลังปรากฏเกิดขึ้นอยู่เฉพาะหน้า ที่มีความเปลี่ยนไป การเห็น อาการเกิดดับทุกครั้ง แล้วทาให้จิตใจเราผ่องใสขึ้น สงบขึ้น แล้วจะยึดไว้ทาไม อารมณ์ที่ไม่ดี เราควรจะ เห็นอาการเกิดดับ หรือเห็นอาการเกิดดับเหล่านี้ บอกอะไร สภาวธรรมตรงนี้ บอกอะไรกับเรา ความไม่มี ตัวตน ไม่มีอะไรไม่มีเรา บอกอะไร สัจธรรมตรงนั้น กาลังประกาศตัวเองแบบนั้น กาลังบอกอะไร เราได้ เรียนรู้อะไร กับสภาวธรรมที่เกิดขึ้น อันนี้ก็อย่างหนึ่ง
การพิจารณาสภาวธรรม แล้วน้อมเข้ามาใส่ตัว น้อมเข้ามาใส่ใจของเรา ในแต่ละวันสภาวธรรมที่ เปลี่ยนไป ผัสสะที่เกิดขึ้น ที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีอาการไหนบ้าง ที่ไม่ใช่สภาวธรรม มีอาการไหนบ้าง ที่ไม่ใช่สภาวธรรม ที่ไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยของตน ของตนอยู่ การพิจารณาอย่างนี้ เพื่อ การละการคลาย การคลายอุปาทานละความเป็นเรา แล้วรู้สภาวธรรมที่กาลังเป็นไปอยู่ เอานะ! พิจารณา แบบนี้แล้ว ลองดูว่าสภาพจิตเป็นอย่างไร
ต่อไปอาจารย์จะไม่ใช่เสียง ให้เรากาหนดสภาวธรรม ที่กาลังปรากฏอยู่เฉพาะหน้าไปสักระยะ จาก นั้น เราจะแผ่เมตตากันเป็นลาดับถัดไป เป็นการให้พิจารณาสภาวธรรม ที่ปรากฏอยู่เฉพาะหน้า ในที่นี้ก็คือ สามารถเจาะสภาวะ เพอื่ การปฏบิ ตั คิ วามตอ่ เนอื่ งของธรรมะ จากทผี่ า่ นมาจนถงึ ปจั จบุ นั และเดนิ หนา้ ตอ่ ไป ทั้งอาการเกิดดับ อาการพระไตรลักษณ์ แล้วก็สภาพจิต สภาวธรรมต่อจากนี้เป็นอย่างไร ขอให้ตั้งใจกัน...
สมควรแก่เวลา เราจะแผ่เมตตากัน ก่อนที่จะแผ่เมตตา ขณะที่จิตมีความสงบ มีความว่าง มีความ ใส ก็ให้น้อมถึงบุญกุศลที่เราทา น้อมถึงความดี ความรู้สึกดี ความสุข ความอิ่มใจ ความสบายใจ น้อมเข้า มาใส่ใจที่ว่าง ๆ น้อมเข้ามาใส่ใจที่สงบ เป็นการเพิ่มพลังบุญให้กับตนเอง เติมความสุข ความอิ่มใจ ความ สบายใจเข้ามาให้เต็ม ให้เต็มใจที่สงบใจที่ว่างนั้น แล้วให้เต็มทั้งตัว ให้เต็มทั้งตัวบริเวณหทยวัตถุ ให้เต็ม เต็มจนล้นจากตัว จนบริเวณหัวใจของเรา เต็มไปด้วยความสุขใจ ความอิ่มใจ ความสบายใจ
ให้เต็มแล้วก็ล้น ล้นออกด้านข้าง ล้นไปข้างหน้า ล้นขึ้นข้างบน ความสุขนี้ล้นออกไป ให้กว้างออก ไป เมอื่ รสู้ กึ วา่ จติ เราเตม็ ไปดว้ ยพลงั ของบญุ เตม็ ไปดว้ ยพลงั ของความสขุ แลว้ ใหอ้ ธษิ ฐานจติ ใหก้ บั ตนเอง จติ ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยพลงั บญุ นนั้ มอี านภุ าพ เพราะฉะนนั้ การอธษิ ฐานจติ จะทา ใหส้ ง่ ผล ใหต้ งั้ จติ อธษิ ฐานใหก้ บั ตนเอง ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลวะ เป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้มีสติ มีสมาธิ มี ปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน