Page 75 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 75

383
กว้างออกไป แล้วให้กว้างไม่มีขอบเขต คือการกาหนดจิตตนเอง แสดงว่าจิตคนเราไม่ใช่มีขนาดแค่นี้ ไม่ใช่อยู่แค่เท่านี้ กว้างก็ได้ แคบก็ได้
และเราก็จะเห็นว่า บางครั้งจิตคนเราอยู่ที่ตัวก็จริง แต่นิดเดียว แคบกว่าตัวมาก ๆ เลย มันเหลือ เล็กนิดเดียว อะไรกระทบก็พร้อมที่จะแตกสลาย พร้อมที่จะแตกสลาย เหมือนใจแตกสลายไป เป็นทุกข์ จนแบบหัวใจสลาย เพราะว่ามันไม่มีกาลัง และมันก็แคบนิดเดียว จิตไม่รวมตัว อันนั้นจะเป็นเลยว่า พอ เป็นอย่างนั้น ทุกข์ขนาดนั้น หัวใจแตกสลายนี่นะ จิตไม่รวมตัว ไม่มั่นคง ไม่เข้มแข็ง และจะมีอาการ หวั่นไหวตลอดเวลา มีความวิตกกังวล รู้สึกว่าไม่มั่นคง ไม่ชัดเจน แต่พอเรานิ่งมีสมาธิมากขึ้น พลังจิต เริ่มรวมตัวกันมากขึ้น มีความตั้งมั่นขึ้น มีสติมากขึ้น มีปัญญามากขึ้น
เห็นชัดถึงความเป็นอนัตตาเมื่อไหร่ เราจะมีความมั่นคง มั่นคงทางอารมณ์ด้วย มั่นคงทางอารมณ์ ตัวนี้คือมั่นคงทางอารมณ์ อารมณ์ที่เข้ามากระทบนี่นะ ไม่หวั่นไหวง่าย ๆ เพราะจิตใหญ่กว่าอารมณ์ เพราะ ฉะนั้น อานิสงส์หรืออานุภาพของการยกจิตขึ้นสู่ความว่าง และการกาหนดรู้ถึงความเป็นคนละส่วนนี่นะ สงิ่ นคี้ อื สามารถนา ไปใชเ้ ปน็ เรอื่ งปกตขิ องชวี ติ เรา ไมเ่ ฉพาะตอนทเี่ ขา้ คอรส์ ไมเ่ ฉพาะตอนทเี่ ราปฏบิ ตั ธิ รรม แต่การปฏิบัติธรรมนี่นะ ทาให้เป็นเรื่องปกติ ใช้งานบ่อย ๆ ใช้บ่อย ๆ พิจารณาแบบนี้
ทีนี้อะไรอีก ที่เราคิดว่าเราก็ไปยึด ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูความคิด ความคิดกับสัญญานี่นะ คล้าย กันมาก หรือเหมือนกันเลย เพราะความคิดนี่นะ คือการปรุงแต่งต่อ คิดสร้างสรรค์วิเคราะห์คิดต่อไป แต่สัญญาคือจาได้ เรื่องที่เกิดขึ้นจาได้ว่า เป็นเรื่องอะไร จาได้ว่าเป็นอะไร จาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร คิดถึง อะไร จาได้เป็นเรื่องใหม่ หรือจาได้ไหมว่านั่งอยู่นี่นะ จาได้ใช่ไหม อันนี้คือตัวสัญญาเลย จาได้ว่ารูปนี้... ปัจจุบัน แต่จาได้นี่คือกาลังนั่งอยู่ นี่คือตัวสัญญา เพราะฉะนั้น สัญญากับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วน เดียวกันหรือคนละส่วนกัน ให้ชัดก็คือว่า เรื่องราวเก่า ๆ ที่ผ่านมา กับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกัน หรือคนละส่วน เราคิดถึงเรื่องเมื่อวาน กับจิตที่ทาหน้าที่รู้ กับความคิดเมื่อวาน เรื่องเมื่อวานนี่นะ เป็นส่วน เดียวกันหรือคนละส่วนกัน
จริง ๆ กลายเป็น พอคิดปึ๊บก็เป็นปัจจุบัน แต่เรื่องราวเป็นเรื่องของอดีต แต่ความคิดเป็นเรื่อง ปัจจุบัน เรื่องราวเป็นเรื่องของอดีต ที่จาได้เรื่องอดีต นี่แหละเขาเป็นตัวสัญญา พอเห็นความเป็นปกติ เห็น ความชัดถึงตรงนี้ปึ๊บนี่นะ ถามว่า พอเห็นในลักษณะอย่างนี้ ตรงไหนที่บอกว่าเป็นของเรา รูปนามขันธ์ ๕ ตรงนี้นะ ไม่บอกว่าเป็นของเรา ลองดูความเป็นจริง เราพิจารณาตามความเป็นจริงแบบนี้ก่อน แล้วลองดู ว่า ตอนนี้เลย ขณะที่เห็นถึงความเป็นคนละส่วนของขันธ์นี่นะ ที่แยกกันออกไป จิตใจรู้สึกเป็นอย่างไร
ทสี่ า คญั อกี อยา่ งหนงึ่ กต็ วั วญิ ญาณรู้ หรอื ตวั รู้ ตวั จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ ู้ ไมว่ า่ จะเปน็ เรยี กธาตรุ ู้ วญิ ญาณรู้ จิตรู้ ใจรู้ ความรู้สึกที่ทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ ที่เรียกว่าจิต จิตดวงนี้นี่แหละ เรียกว่า...ถ้าจัดเป็นขันธ์ก็เรียก วญิ ญาณขนั ธ์ ตวั ทที่ า หนา้ ทรี่ บั รอู้ ารมณ์ ทา หนา้ ทรี่ บั รู้ แลว้ จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ ู้ บอกวา่ เปน็ เราไหม พจิ ารณาแบบนี้ เพื่ออะไร การที่เราเริ่มคลายอุปาทาน เห็นชัดถึงความเป็นคนละส่วน เพื่ออะไร เพื่อความอิสระแล้วลองดู ว่า เห็นแบบนี้ จิตใจรู้สึกเป็นอย่างไร


































































































   73   74   75   76   77