Page 88 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 88

396
การปฏิบัติในการเจริญกรรมฐานของเรา ตอนนี้อารมณ์ปัจจุบัน อารมณ์ปัจจุบันที่กาลังปรากฏ เฉพาะหน้าของเรา อาการอันไหนชัดที่สุด อาการทางกาย เป็นรูป เป็นอาการทางกาย อาการทางรูปเป็นลม หายใจ เป็นความคิด เป็นเวทนาเป็นความปวดเกิดขึ้น หรือมีอาการอย่างไรเกิดขึ้นมา นี่พิจารณาอารมณ์ ปัจจุบัน และการพิจารณาอารมณ์ปัจจุบันที่กาลังปรากฏ จะทาให้เราไม่ต้องไปปรุงแต่งหรือสร้างเรื่องขึ้นมา ว่า ต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ เวทนามันควรจะเป็น น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้คือการคิด แต่ถ้า เราพิจารณาสิ่งที่กาลังเป็นอยู่ สภาวะที่กาลังปรากฏอยู่เฉพาะหน้าแบบนี้ พิจารณาอะไร อาการขันธ์ไหนชัด ก็รู้ขันธ์นั้นแหละ
อาการทางกายชัดก็รู้กายไป ลมหายใจชัดก็รู้อาการของลมหายใจนี่นะ เป็นอาการของรูป เขาเรียก เป็นอาการทางกาย เป็นรูปขันธ์อย่างหนึ่ง อาการเต้นของหัวใจชัดเกิดขึ้นมา ก็ตามรู้อาการเต้นของหัวใจไป ตามกาหนดรู้อาการเต้นของหัวใจไป ตามกาหนดรู้อาการเปลี่ยนแปลงของลมหายใจ ตรงนี้เป็นอาการทาง กาย เปน็ อาการของรปู ทา ไมเราตอ้ งสนใจความเปลยี่ นแปลง ทา ไมเราตอ้ งตามรอู้ าการเตน้ ของหวั ใจ เพราะ นั่นคือสิ่งที่กาลังปรากฏเกิดขึ้นจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องเข้าไปปรุงแต่ง ไม่ต้องไปคิด
แต่ที่ตามรู้ รู้อะไร ตามรู้กฎไตรลักษณ์ อย่างที่บอกแล้วรูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง จึงต้องตามรู้ความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้เห็นด้วยตาปัญญาของตัวเอง ให้เห็นด้วยตัวเอง ว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอเห็นด้วยตัวเองอย่างนั้นจริง ๆ ทาไมถึงต้องเห็นเอง จะได้เป็นเรื่องที่เราพิสูจน์ได้ ด้วยตัวเอง เป็นปัจจัตตัง บางครั้งสภาวธรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะตัว เห็นได้เฉพาะตน คนปฏิบัติก็เห็น ได้ เราไม่สามารถพูดโดยให้คนไม่ปฏิบัติเห็นภาพ เห็นอาการอย่างนั้น เป็นจริงอย่างนั้นได้ ความละเอียด จึงมีความแตกต่างกันไป
เพราะฉะนั้นการที่เราเห็นความเปลี่ยนแปลง การเกิดดับความไม่เที่ยงของลมหายใจเข้าออก ของ อาการเต้นของหัวใจที่กาลังปรากฏอยู่ เป็นสิ่งสาคัญ เพราะอะไร การเริ่มต้นที่การกาหนดรู้อาการเต้นของ หัวใจ อาการหายใจเข้าออก ตามรู้การเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ นี่นะ เริ่มต้นจากตรงนี้ ที่บอกว่าเราเห็นว่า กายกับจิตเป็นคนละส่วนกัน จิตกับลมหายใจ จิตที่ทาหน้าที่รู้ กับลมหายใจก็เป็นคนละส่วนกัน
พอกาหนดรู้ไปเรื่อย ๆ กาหนดรู้ลมหายใจ กาหนดอาการเต้นของหัวใจ ที่เคยบอกแล้วว่า รู้ไปจน ลมหายใจหมดไป ตามรอู้ าการเตน้ ของหวั ใจจนหายไปเกลยี้ งไป แลว้ เหลอื อะไร ตวั ทนี่ งั่ อยยู่ งั มอี ยไู่ หม หรอื หายไปด้วย นั่นเป็นผลจากอะไร นี่คือเป็นผลจากการที่เราพิจารณาความเป็นจริง รู้อาการพระไตรลักษณ์ หายได้อย่างไร หายได้อย่างไร เราหลับตามองไม่เห็น
แต่จริง ๆ ก่อนที่เราเคยกาหนดไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่เห็นการดับไปหายไปของลมหายใจ ถึงหลับตาอย่างไร ก็ยังรู้สึกว่าตัวนั่งอยู่เป็นท่อนเป็นแท่ง แข็ง ๆ หนัก ๆ นั่งอยู่ แต่พอลมหายใจหายไป อาการเตน้ ของหวั ใจหายไปวา่ งไป จติ คลายอปุ าทานมากขนึ้ ละเอยี ดขนึ้ ลมหายใจหาย อาการเตน้ ของหวั ใจ หาย รูปก็หายไปด้วย หายไปได้อย่างไร นี่แหละคาว่าอุปาทานที่หายไปดับไป ความเห็นผิดที่เห็นว่าเป็น กลุ่มก้อนเป็นเราเป็นเขานี่นะ จริง ๆ แล้วเป็นความเห็นหรือบัญญัติอย่างหนึ่ง พอจิตละเอียดขึ้น อาการ


































































































   86   87   88   89   90