Page 86 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาสภาวธรรม
P. 86

394
บางครั้งมีกาย บางขณะบางเวลาก็ไม่มีเวทนา แม้แต่จิตใจเราเองนะ ไม่ได้ทุกข์ตลอดเวลา ไม่ได้อยู่กับ ทุกขเวทนาตลอดเวลา และไม่ได้อยู่กับสุขเวทนาตลอดเวลา บางครั้งก็อยู่กับอุเบกขาเวทนา เฉย ๆ ว่าง ๆ นิ่ง ๆ นั่นก็คือลักษณะของอาการที่เกิดขึ้น
ขันธ์ไหนทาหน้าที่ปรากฏชัดในการทาหน้าที่ของตน ๆ ตัวสัญญาขันธ์ ตัวสัญญาขันธ์คือเราจาได้ ตัวสัญญาขันธ์คือตัวจิตที่ทาหน้าที่จาได้เรื่องราวต่าง ๆ ทาหน้าที่จาอย่างเดียว สัญญาขันธ์ทาหน้าที่จาอย่าง เดียว เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าบางเรื่องไม่อยากจาเขาก็จา อะไรที่ชัด ๆ ปรากฏชัดขึ้นมาเขาก็จา ทาหน้าที่ จาอย่างเดียวดีไม่ดีเขาก็จาทั้งหมด แล้วอะไรจะเป็นตัวสังเคราะห์ ควรจาไม่ควรจา ตรงนี้แหละ อันนี้ก็จะ เป็นปัญญาต้องใช้ปัญญา
แต่ขันธ์อีกขันธ์หนึ่งนอกจากสัญญาขันธ์ เขาเรียกว่าสังขารขันธ์ สังขารขันธ์เราเข้าใจกันดีว่าสังขาร ขันธ์เป็นเรื่องของ...เขาเรียกว่ารูปสังขารคือร่างกาย ร่างกายอย่างหนึ่ง ร่างกายอันนี้ถูกปรุงแต่งด้วยธาตุ ๔ ดนิ นา้ ลมไฟ อาศยั อะไรดนิ นา้ ลมไฟ อาศยั อาหาร อาศยั อากาศนแี่ หละ เพอื่ การดา รงอยเู่ ปน็ ไป ทา ใหร้ า่ งกาย อบอุ่น มีความเย็นความสดชื่น ก็คือลักษณะของธาตุต่าง ๆ ธาตุทั้งสี่มีความแข็งแกร่ง มีความนุ่มนวล มี ความอ่อนไหว เคลื่อนไหวได้ มีการยืดหยุ่นได้ นั่นคือลักษณะของธาตุที่ถูกปรุงแต่ง ร่างกายนี้ถูกปรุงแต่ง ด้วยธาตุทั้งสี่ ที่เราเรียกว่าสังขารขันธ์
รูปสังขาร สังขารไม่เที่ยงเดี๋ยวปวดตรงนั้น เดี๋ยวเจ็บตรงนี้ เดี๋ยวเมื่อยตรงนั้น เดี๋ยวเป็นอย่างนั้น เพราะอะไร ที่เราบอกว่าสังขารไม่เที่ยง แต่แสดงออกทางเวทนา มีเวทนาเกิดขึ้น จึงทาให้รู้ว่าสังขารมัน เสื่อมไป โดยการที่เรามองเห็นถึงความเสื่อมไป มันไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ ถ้าไม่มีการเจ็บปวด ถึงมีการเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็ยังรู้สึกว่าเหมือนมันเป็นของเที่ยงอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีความเจ็บปวดเมื่อยชา เกิดขึ้นมา การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่คล่อง ก็จะรู้สึกว่าสังขารไม่เที่ยงแล้ว มันเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อก่อนยังกระฉับกระเฉงยังคล่องแคล่วว่องไวอยู่ อันนี้คือลักษณะของสังขาร ทางกาย แต่จริง ๆ แล้วเขาก็มีความเสื่อมไปตลอดเวลา เหมือนอายุเซลล์เราก็เสื่อมไป มีแล้วก็เสื่อมไป เกิดขึ้นมาเสื่อมไป หรือที่เราเสื่อม...เป็นอะไร เป็นขี้ไคลผิวหนังก็เสื่อมไปเปลี่ยนไป แม้แต่ฟันที่บอกว่า เป็นเหมือนเป็นกระดูกเป็นของแข็ง ก็ยังเสื่อมไปร่อนไปกร่อนไป เส้นผมก็เสื่อมไปเปลี่ยนใหม่อยู่เรื่อย ๆ เปลี่ยนเป็นร่วงแล้วก็เกิดใหม่ บางทีร่วงแล้วก็หายไป ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงความไม่เที่ยงของสังขาร ของ กายสังขารทางร่างกาย
แต่สังขารอีกอย่างหนึ่ง สังขารทางร่างกายแบบนี้ก็เป็นไปตามปกติธรรมดาธรรมชาติ แต่สังขารอีก อยา่ งหนงึ่ ทเี่ ราตอ้ งปรบั ปรงุ ปรบั เปลยี่ น เปลยี่ นแปลงทา ใหด้ ขี นึ้ กค็ อื จติ สงั ขาร การปรงุ แตง่ ทางจติ ของเรา ทเี่ ราเหน็ อะไร คดิ โนน่ คดิ นคี่ ดิ เรอื่ งตา่ ง ๆ เพราะอะไรทกี่ ารคดิ ในเรอื่ งตา่ ง ๆ จติ สงั ขารนนั้ บางครงั้ ถกู ผลกั ดนั ดว้ ยโลภะ โทสะ หรอื โมหะ อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เมอื่ ถกู ผลกั ดนั ดว้ ยโลภะ โทสะ โมหะการปรงุ แตง่ ในเรอื่ ง ใดเกิดขึ้นมา แล้วมีกาลังมาก ๆ การปรุงแต่งอันนั้นบีบคั้นจิตใจมากขึ้น ทาให้จิตมีกาลังมากขึ้น จิตก็จะสั่ง งานไปที่กายที่วาจา ให้เป็นกายกรรมวจีกรรมตามมา


































































































   84   85   86   87   88