Page 2 - บทที่ 15 ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
P. 2

2


             15.2 กระแสไฟฟ้าท าให้เกิดสนามแม่เหล็ก

                                                                   ้
                    กระแสไฟฟ้าที่ท าให้เกิดสนามแม่เหล็ก  เม่อกระแสไฟฟาผ่านลวดตัวน าจะเกิดสนามแม่เหล็กรอบลวดตัวน านั้น
             มีลักษณะดังนี้
                                   ้
                    เมื่อให้กระแสไฟฟาผ่านลวดตัวน าตรง  จะเกิดสามแม่เหล็กรอบลวดตัวน า  ใช้กฎมือขวาเพอหาทิศทางของ
                                                                                                  ื่
                    ่
                                                                        ิ
             สนามแมเหล็ก  โดยก ามือรอบลวดตัวน าตรง  ให้นิ้วหัวแม่มอชื้อไปตามทศทางของกระแสไฟฟ้า  ทิศทางการวนนิ้วทั้งสี่จะ
                                                             ื
             ชี้ทิศทางของสนามแม่เหล็ก  เมื่อกลับทิศทางของกระแสไฟฟ้า  ทิศทางของสนามแม่เหล็กจะกลับทิศทางด้วย
                    เมื่อให้กระแสไฟฟาผ่านลวดตัวน าที่ถูกดัดเป็นวงกลม  จะเกิดสนามแม่เหล็กรอบตัวน านั้น  มีลักษณะคล้ายกับ
                                   ้
             สนามแม่เหล็กของแท่งแม่เหล็กสั้นๆ  การหาทิศทางของสนามแม่เหล็กยังใช้กฎมือขวา  ก ามือให้นิ้วทั้งสี่ชี้ไปตามทิศทาง

             ของกระแสไฟฟ้า นิ้วหัวแม่มือจะชี้ทิศทางของสนามแม่เหล็ก
                                   ้
                    เมื่อให้กระแสไฟฟาผ่านโซเลนอยด์ (solenoid)  จะได้ทิศทางของสนามแม่เหล็กคล้ายกับสนามแม่เหล็กของแท่ง
             แม่เหล็ก  โดยการหาทิศทางจะใช้วิธีเดียวกันกับลวดตัวน าที่ถูกดัดเป็นวงกลม
                                                                                 ั
                    เมื่อให้กระแสไฟฟาผ่านทอรอยด์  ซึ่งเป็นขดลวดพนแบบโซเลนอยด์แต่พนรอบแกนที่โค้งเป็นวงกลม  จะเกิด
                                                              ั
                                   ้
             สนามแม่เหล็กภายในทอรอยด์  โดยทิศทางของสนามแม่เหล็กหาได้ด้วยการก ามือขวารอบแกนของทอรอยด์  ให้นิ้วทั้งสี่
             วนชี้ตามทิศทางของกระแส  นิ้วหัวแม่มือจะชี้ทิศทางของสนามแม่เหล็ก

             15.3 แรงกระท าต่อลวดตัวน าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก
                                                                  ่
                      เมื่อลวดตัวน ำควำมยำว ℓ ที่มีกระแส Ι ถูกวำงในสนำมแมเหล็ก Β จะท ำให้เกิดแรงกระท ำต่อลวดตัวน ำ Ϝ โดยแรง
             นี้เกิดขึ้นจำกกำรใส่กระแสในลวดตัวซึ่งกระแสเกิดขึ้นได้จำกกำรเคลื่อนที่ของอเล็กตรอนอสระ ดังนั้นเมื่อวำงลวดตัวน ำใน
                                                                                      ิ
                                                                             ิ
             สนำมแม่เหล็กก็จะท ำให้เกิดแรงกระท ำต่ออเล็กตรอนอสระและท ำให้ลวดตัวน ำเคลื่อนที่ไปในทิศของแรงนั้นโดยแรงที่
                                                 ิ
                                                           ิ
             กระท ำต่อลวดตัวน ำมีขนำด Ϝ = ΙℓΒ และทิศทำงของแรงสำมำรถหำได้จำกกำรใช้นิ้วทั้งสี่ชี้ไปทำงทิศของกระแสจำกนั้น

             วนนิ้วทั้งสี่ไปหำทิศทำงของสนำมแม่เหล็ก นิ้วหัวแม่มือจะชี้ไปในทิศของแรง ในท ำนองเดียวกันหำกลวดตัวน ำวำงตัวใน

             แนวท ำมุม θ กับสนำมแม่เหล็ก แรงที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตำมสมกำร Ϝ = ΙℓΒ        

             15.4 แรงระหว่างลวดตัวน าสองเส้นที่ขนานกันและมีกระแสไฟฟ้าผ่าน

                    เมื่อใส่กระแสในลวดตัวน ำสองเส้นที่วำงขนำนกันโดยให้ทิศทำงกำรไหลของกระแสในลวดตัวน ำทั้งสองเส้นมี

             ทิศทำงเดียวกัน ลวดตัวน ำทั้งสองเส้นจะเกิดแรงดึงดูดกัน เนื่องจำกเมื่อลวดตัวน ำทั้งสองมีกระแสไหลผ่ำนในทิศทำง

             เดียวกันจะท ำให้เกิดสนำมแม่เหล็กรอบลวดแต่ละเส้น โดยสนำมแม่เหล็กที่เกิดจำกลวดตัวน ำแรกจะสร้ำงสนำมแม่เหล็ก

             ให้กับลวดตัวน ำที่สอง ท ำให้เกิดแรงที่กระท ำกับลวดตัวน ำตัวที่สอง ในท ำนองเดียวกันสนำมแม่เหล็กที่เกิดจำกลวดตัวน ำที่

             สองจะสร้ำงสนำมแม่เหล็กให้กับลวดตัวน ำแรกท ำให้เกิดแรงที่กระท ำกับลวดตัวน ำตัวที่หนึ่ง แรงทั้งสองนี้มีทิศทำงเข้ำหำ

             กัน ดังนั้นแรงระหว่ำงลวดทั้งสองนี้ป็นแรงดึงดูด แต่ในทำงกลับกันหำกทศทำงกำรไหลของกระแสในลวดตัวน ำทั้งสองเส้น
                                                                        ิ
             มีทิศทำงตรงข้ำมกัน ลวดตัวน ำทั้งสองเส้นจะเกิดแรงผลักกัน
   1   2   3   4   5   6