Page 16 - เสวนามโนทัศน์ที่คาดเคลื่อนในงานวิจัย
P. 16
ี
่
่
ี
ี
ึ
ื
่
ี
ี
ู
หลังเรยนได้ค่าเฉลยเท่าน้ หรอค่าเฉลยหลังเรยนมค่าเฉลยสงกว่าก่อนเรยน เพราะเราศกษาจากตัวอย่าไม่ได้
ี
ี
ี
ี
ิ
ึ
ี่
ิ
่
ี
ศกษาจากประชากร ว่าสถตทใชเปรยบเทยบมันไม่ตรงกันเลย แล้วให้เราแก้ไขมันซะนะครบ
ั
ิ
ิ
ื
ื
ิ
ึ
2. การใช้สถตอ้างอง โดยไม่ค านงถงข้อตกลงเบ้องต้น หรอ แอดซัมชันของการวจัย เชน ตัวอย่างใน
่
ึ
ิ
ุ
การศกษาม 5 คน หรอ 7 คน แต่ใช้สถต ทเทส ผิดไหม แต่ปจจบันมการตรวจสอบแล้ว หรอใช้หัวแม่มอของ
ิ
ิ
ี
ี
ั
ึ
ื
ื
ี
ื
็
คน 10 คน 20 คน ในการตรวจสอบสอบไม่จ าเปนครบใช้โปรแกรมในการตรวจสอบเลย หรอถ้าข้อมูลนั้น
ื
ั
ี
ิ
็
เปน การแจกแจงแบบโค้งปกตให้เราใช้ได้เลย แต่ถ้ามันไม่เปนไปตามแอดซัมชันทเทด ให้ไปใช้
็
ื
็
ิ
ื
ิ
nonparametric ก็คือสถตทใช้ในการใช้เงอนไข หรอเปนเงอนไขทฟร หรอต้องเปนการแจกแจงแบบโค้ง
ื่
ื่
ี่
็
ี
ี่
ี
ี
ื
่
ี
่
่
ิ
ปกต ก็คือข้อมูลทหลายนั้นเอง หรอเล่มทมันมความแตกตางกันสามารถน ามาวิเคราะห์ได้และต้องแก้ให้ถูก
่
ิ
ิ
ี
่
์
์
ื
่
3.กรณทเราศกษาตัวแปรตามหลายตัว เชนมทั้งการคิดวเคราะห เรองคณตศาสตร ทเปรยบเทยบทั้ง
่
ี
ึ
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
ี
ึ
ุ
ั
่
ี
็
ิ
์
ี
่
ี
ี
ี
ก่อนเรยนและหลังเรยน ทมทั้งผลสัมฤทธ ซ้งในปจจบันมมกขึ้นทเปนการคิดแบบมวจารณญาณ การคิดแบบ
์
ิ
่
ิ
ึ
ี
่
็
ิ
์
การหาร ซงตัวแปรเหล่าน้มันอยูกันเปนก้อน เพราะฉะนั้นในหารวเคราะหในเชงสถตเราต้องคิดวเคราะหท ี
ิ
ิ
์
์
ื
ิ
ึ
่
ี
หนงของการวเคราะหหรอของการคิดทางวทยาศาสตร หรอทางคณตศาสตรเชนการหาร ซงใน 3 ก้อนน้มัน
่
่
ิ
์
ึ
ื
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ี
จะ เออเรอ ฉะนั้นเราต้องวเคราะหแตละตัว อาจใช้โปรแกรมทางสถตทมอยูแล้ว ใช้ในการวิเคราะห์ได้เลย
่
่
ี
์
ผศ.ดร.ไพศาล วรค า :
ี่
ื่
ิ
ี
ื
ี่
ประเด็นท 1 ตามทท่านสมบัตได้กล่าวไว้ ทเทด ความแปรผลยังแปรในเรองของกลุ่มตัวอย่าง หรอ
ิ
ี่
สถตอ้างอง เราก าลังพุดถงประชากร ค่าเฉลยของประชากร และอยากให้ผู้วิจัยตระหนักถงตอนทเก็บข้อมูล
ิ
ี่
ึ
ึ
ิ
ี่
เราเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างมค่าเฉลยทแตกต่างกันมันไม่จบ เพราะงานวิจัยอธบายเกยวกับประชากรก็เลย
ี่
ี่
ิ
ี
็
ิ
ิ
่
ต้องมาตรวจสอบในสถตอ้างอง เวลาแปรผลในตารางต้องแปรผลเปนประชากร สวนชั้นนักเรยนชั้น
ิ
ี
ึ
็
่
มัธยมศกษาปท1 นั้นเปนกลุมตัวอย่าง แตกลุมตัวอย่านั้นเปนประชากร ดังนั้นเราต้องท าให้เปนประชากร
็
่
ี
่
่
ี
็
็
แปรผลเปนประชากร
ิ
่
ิ
ี
ี
ประเดนท 2 ความไม่เหมาะสมในการน าเสนอวจัย ในการวจัยสมัยก่อนๆจะใช้ ทเทด ในการวจัย
ิ
็
ี
แล้วก็มาแก้ไขในตะราง ทเทด ก็จะได้ค่า ทมา ก็มา ใส * ในการหานัยส าคัญทระดับ 0.05 และต้องบอกค่า
ี่
ี
่
ี
่
วิกฤตของ ค่า T นั้นมค่าเท่าไหร อันน้ก็จะเปนในสมัยเก่า
ี
็
็
ิ
ี
ี่
่
ิ
ิ
แตแบบใหม่นั้นจะให้โปรแกรม spss ได้ค่า ซกมา แล้วเอาค่าซก แต่ถ้ามันมค่าซกมันไม่จ าเปนทต้องไปบอก
่
ี
่
ค่าวิกฤตของ T มา เพราะว่าค่า ซกมันบอกค่ามาแล้วว่าระดับนัยส าคัญมค่าเท่าไหร แตบางคนไม่บอกทั้งค่า
ิ
ี
่
้
่
ู
้
่
ี
วกฤตทั้งค่า Tมานก็ไม่รจะได้ค่าอย่าไร แตบางคนก็เอาทั้ง 2 ค่า แตไม่รจะเอาอะไรมาวัดดนก็คือการไม่เข้าใจ
ิ
ี
ู
่
ของการน าเสนองานวิจัย