Page 16 - รัตนโกสินทร์ตอนต้น
P. 16
ประวัติศาสตร์ ม. ๓ หน่วยการเรียนที่ ๒ ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ๑๕
ประเทศจีนคิดว่า ไทยเป็นประเทศราชของจีนจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดสง
ประเทศไทยกับจีน จึงได้มีสัมพันธไมตรีกันใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นต้นมา
ประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ ๓ ( พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว )
( ๒๑/๐๗/ ๒๓๖๗ –๐๒/๐๔/๒๓๙๔ )
การจัดการปกครอง
ส่วนกลาง หรือ การปกครองในราชธานี ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ยังคงใช้รูปแบบเดิมเหมือนสมัยรัชกาลที่ ๒
การปกครองส่วนภูมิภาค หรือ การปกครองหัวเมือง ก็ยังคงใช้รูปแบบเดิมเหมือนในสมัยรัชกาลที่ ๒
แบ่งออกเป็น การปกครองหัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก หัวเมืองประเทศราช
ประเทศราชหรือเมืองขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้แก่ ล้านนา (เชียงใหม่) ลาว (ล้านช้าง) กัมพูชา (เขมร) และหัวเมือง
มลายู
ด้านเศรษฐกิจ
การปรับปรุงภาษีอากร
๑ . แก้ไขวิธีการเก็บภาษีอากร เช่น อากรค่านา ในสมัยรัชกาลก่อน ๆ ใช้วิธีเรียกเก็บ หางข้าว (ข้าวเปลือก)
เช่น เก็บในอัตราไร่ละ ๒ สัดครึ่ง เจ้าของที่นาจะต้องขนข้าวเปลือกมาส่งฉางหลวงเอง ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เรียกเก็บ
อากรค่านาเป็นตัวเงิน โดยคิดในอัตราไร่ละ ๑ สลึงและเก็บค่าขนส่งเข้าฉางหลวงในอัตราไร่ละ ๑ เฟื้อง
๒ . ตั้งภาษีอากรขึ้นใหม่อีก ๓๘ ประเภท เช่น บ่อนเบี้ยจีน หวย ก.ข. ภาษีเบ็ดเสร็จ ภาษีพริกไทย
ภาษีฝาง ภาษีเกลือ ภาษีไม้แดงเป็นต้น
๓ . ก าเนิดระบบเจ้าภาษีนายอากร ภาษีที่ส้าคัญ บางอย่างรัฐบาลเป็นผู้เก็บเอง นอกนั้นจะให้เอกชนประมูล
ใครประมูลได้ จะได้ชื่อว่า “เจ้าภาษี” หรือ “นายอากร” เจ้าภาษีนายอากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ระบบเจ้าภาษีนาย
อากรนี้ยกเลิกไปในสมัยรัชกาลที่ ๕
๔ . มีการยกเลิกภาษีบางชนิด เช่น ภาษีฝิ่น อากรค่าน้้า ซึ่งเรียกเก็บจากชาวประมง อากรรักษาเกาะ ซึ่ง
เรียกเก็บจากผู้เก็บไข่จาระเม็ด (ฟองเต่าตนุ)
การค้าขายกับต่างประเทศ
ส่วนใหญ่ท้าการค้ากับจีน และค้าขายกับหัวเมืองมลายู พ่อค้าจีนในกรุงเทพฯ ได้ส่งส้าเภาไปค้าขายถึง
สิงคโปร์และเกาะหมาก การเปลี่ยนแปลงทางการค้าในสมัยรัชกาลที่ ๓ มีดังนี้
ครูผู้สอน คุณครูจิราพร พิมพ์วิชัย