Page 26 - วทยาศาสตรเพอพฒนาอาชพธรกจและบรการ_Neat
P. 26
21
หลากหลายทั้ง 3 ลักษณะ มีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนในสภาพแวดล้อมและจําเป็น
อย่างยิ่งต่อการดํารงชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิต บนโลก
2.1 ควำมหลำกหลำยของชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต (Species Diversity) หมายถึง ความ
หลากหลาย ชนิดของสิ่งมีชีวิต (Species) ที่มีอยู่ในพื้นที่หนึ่ง ๆ นักชีววิทยาวัดความ
หลากหลายของชนิดพันธุ์ของ สิ่งมีชีวิต โดยดูจาก 2 ลักษณะ คือ
1) ความมากชนิด (Species Richness) หมายถึง จํานวนชนิดของสิ่งมีชีวิตต่อ
หน่วยเนื้อที่ เช่น ในเขตที่มีอากาศหนาว ณ พื้นที่หนึ่งมีต้นไม้อยู่ประมาณ 1 - 2 ชนิด
ขณะที่ป่าในเขตร้อน บนพื้นที่ เท่ากัน มีต้นไม้หลายสิบชนิด เป็นต้น
2) ความสมํ่าเสมอของชนิด (Species Evenness) หมายถึง สัดส่วนของสิ่งมีชีวิต
ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบนิเวศหนึ่ง ๆ ความหลากหลายทางชนิดพันธุ์ สามารถวัดได้จากจํานวน
ชนิดของสิ่งมีชีวิตและจํานวน ประชากรของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ความหลากหลายของชนิด
พันธุ์จะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ พื้นที่ที่อยู่ ในเขตร้อนและในทะเลลึก จะมีความหลากหลาย
ของชนิดพันธุ์มากและความหลากหลายของชนิดพันธุ์ จะลดลงในพื้นที่ที่มีความผันแปรของ
อากาศสูง เช่น ในทะเลทรายหรือขั้วโลก
2.2 ควำมหลำกหลำยของพันธุกรรม
ความหลากหลายของพันธุกรรม (Genetic Diversity) หมายถึง ความหลากหลาย
ของยืน (Genes) ที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพ่อแม่และส่ง
ต่อไปยังรุ่นต่อไป สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันอาจมียืนแตกต่างกันตามสายพันธุ์ เช่น ข้าวมีสาย
พันธุ์นับพันชนิด พริก มะเขือเทศ มันฝรั่ง ข้าวโพดหรือพืชอาหารชนิดอื่น ก็มีมากมายหลาย
สายพันธุ์ แต่ความหลากหลายของพันธุกรรม มีน้อยในพืชเกษตรลูกผสม
ความแตกต่างผันแปรของพันธุกรรมในแต่ละประเภทของสิ่งมีชีวิตนั้นมีสาเหตุมา
จาก การกลาย (Mutation) ซึ่งอาจเกิดขึ้นในระดับยีนหรือในระดับโครโมโซม ผสมผสานกับ
กลไกที่เรียกว่า การไขว้เปลี่ยนของโครโมโซม ที่เกิดขึ้นในขณะที่มีการแบ่งเซลล์สืบพันธุ์