Page 4 - ศาสนาพุทธ
P. 4

กัณฐกะ และเครื่องทรงกลับกบิลพัสดุ์ นับแต่รุ่งอรุณวันนั้นเป็นต้นมา พระสิทธัตถะก็เสด็จแรมอยู่ที่อนุปิยอัมพวัน

               แคว้นมัลละ แต่พระองค์เดียวชั่วเวลาราว ๗ วัน


                       ทรงแสวงหาโมกขธรรม และทรงบ่าเพ็ญทุกรกิริยา ต่อมาพระสิทธัตถะได้เสด็จออกจากอนุปิยอัมพวัน


               แคว้นมัลละ แล้วไปยังที่ต่างๆ จนถึงเขตกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม (ความพ้นทุกข์) ครั้งเสด็จ
               เข้าไปอบรมศึกษาใน ส่านักอาฬารดาบส กาลามโคตร และส่านักอุทกดาบสรามบุตร ทรงเห็นว่าลัทธิของ ๒ ส่านัก


               นั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ใด จึงทรงอ่าลาจากส่านักดาบสทั้งสองนั้น เสด็จจารึกแสวงหาโมกขธรรมต่อไปจนถึง ต่าบลอุรุ

               เวลาเสนานิคม อันมีแม่น้่าเนรัญชราไหลผ่าน ได้ประทับอยู่ในป่า ณ ต่าบลนี้ ทรงเริ่มบ่าเพ็ญทุกรกิริยา โดยประการ

               ต่างๆ อย่างเคร่งครัด แต่ก็ไม่ทรงพบทางพ้นทุกข์ได้ ในเวลานั้น พวกปัญจวัคคีย์ คือ ภิกษุ ๕ รูป อันได้แก่ โกณ

               ฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ มีความเลื่อมใสในพระสิทธัตถะด้วยเชื่อว่าพระองค์ จนได้ส่าเร็จ เป็น

               พระพุทธเจ้า จึงได้พากันมาเฝ้าปฏิบัติพระองค์ด้วยความเคารพ



                    ตรัสรู้ นับแต่ปีที่ทรงผนวชถึงปีที่ได้ทรงบ่าเพ็ญทุกรกิริยาอย่างเคร่งครัดนั้น เป็นเวลา ๖ ปี แล้ว พระสิทธัตถะ

               ทรงแน่พระทัยว่า การบ่าเพ็ญทุกรกิริยานั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์แน่ และประกอบกับเวลานั้น ท้าวสักกะได้เสด็จมาเฝ้า

               ทรงดีดพิณ ๓ สายถวายคือ สายหนึ่งตึงเกินไปมักขาด สายหนึ่งหย่อนเกินไปเสียงไม่เพราะ สายหนึ่งพอดี เสียง

               ไพเราะยิ่งท่าให้พระสิทธัตถะแน่พระทัยยิ่งขึ้นว่า การท่าความเพียรเคร่งครัดเกินไปนั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์อย่างแน่แท้

               พระองค์จึงทรงเลิกบ่าเพ็ญทุกรกิริยา ทรงหันมาบ่าเพ็ญเพียรทางใจอันได้แก่ สมถะ (ความสงบ) วิปัสสนา (ปัญญา)

               โดยทรงเริ่มเสวยพระกระยาหาร ตามปกติ พวกภิกษุปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เห็นดังนั้น จึงคลายศรัทธาเลิกเฝ้าปฏิบัติ

               แล้วพากันไปอยู่ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี เป็นเหตุให้พระองค์ประทับอยู่แต่พระองค์เดียว ท่าให้

               ได้รับความวิเวกยิ่งขึ้น ทรงเริ่มบ่าเพ็ญทางใจ ณ ภายใต้ต้นหว้าใหญ่ต้นหนึ่ง




                    ครั้นอยู่ต่อมาถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ เวลาเช้า พระองค์เสด็จไปประทับที่โคนต้นไทรต้นหนึ่ง ใกล้แม่น้่าเนรัญ

               ชรา เวลานั้นนางสุชาดา ธิดาสาวของกฎุมพีนายบ้านเสนานิคม ต่าบลอุรุเวลา ได้จัดข้าวมธุปายาสใส่ถาดทองค่า

               น่าไปบวงสรวงเทวดาที่ต้นไทรนั้นตามลัทธินิยมของตน ครั้นเห็นพระสิทธัตถะประทับนั่งอยู่ก็เข้าใจว่าเป็นเทวดาจึง

               น้อมถวายข้าวมธุปายาสพร้อมทั้งถาดทองค่า แล้วหลีกไป พระสิทธัตถะทรงรับข้าวมธุปายาสแล้วเสด็จไปยังแม่น้่า

               เนรัญชรา ทรงสรงสนานพระวรกาย แล้วเสวยข้าวมธุปายาสแล้วทรงลอยถาดลงในกระแสแม่น้่าเนรัญชรา ครั้น

               แล้วแล้วจึงเสด็จไปประทับในดงไม้สาละใกล้ฝั่งแม่น้่าเนรัญชรานั้น
   1   2   3   4   5   6   7   8   9