Page 697 - เมืองลับแล(ง)
P. 697

่
                       คร่าวบทที่ ๑๖๔ กล่าวว่าทัพพม่ามาถึงห้วยเกียงภาเมื่อวันลุนขึ้นสองค่ำ หมายถึง เดือน ๓ ขึ้น ๒ คำ
               (อังคาร ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๖) กวีได้กล่าวว่าที่ห้วยเกียงภานี้ ม่านแต่งการหื้อ บ่มีที่เทิกเท้า (เทิกเท้า ใน
               ภาษาล้านนาแปลว่า มากมาย คับคั่ง หรือ บ่มีที่ทึกที่เท้า ซึ่งหมายถึงไม่มีที่สิ้นสุด) ดังนั้นความนี้อาจแปลได้ว่า พม่า

               จัดการให้เหล่าทหารต่างเมืองทำงานมากมายไม่มีที่หมดสิ้น ขณะเมื่อตั้งอยู่ที่บริเวณห้วยเกียงภานี้

                                                                                    ั
                                                                   ่
                       คร่าวบทที่ ๑๖๕ – ๑๖๖ กล่าวว่า เถิงเดือนแรมสามคำยามเช้า เข้าสู่ห้องลบแลง หมายถึง เดือน ๓ แรม
                                                                                 ู่
                                    ี
                                                                               ้
                                                                                                  ้
               ๓ ค่ำ ยามเช้า (พฤหัสบด ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๑๖)  ทัพพม่าจึงสามารถยกเขาสเมืองลบแลไดโดยใชเวลาราวครึ่ง
                                                                                             ้
                                                                                       ั
               เดือน นัยตรงนี้สื่อถึงว่าพม่าสามารถตีเมืองลับแลแตก ส่วนข้อมูลจาก พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพระ
                                                                                 ี
               พนรัตน์ วัดพระเชตุพน ที่ให้ข้อมูลว่า กองทัพโป่สุพลาเข้าตีเมืองลับแลแตกเมื่อป พ.ศ. ๒๓๑๕
                       กวียังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าที่เมืองลับแลนี่เองที่กองทัพพม่าได้ทำการ แปงทัพใหญ่กว้าง หรือจัดสร้าง
               กองทัพให้มีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจหมายถึงการเอาชายฉกรรจ์เมืองลับแลที่พ่ายสงครามเข้าไว้ในกองทัพด้วย
                       เมื่อทำการเทียบเคียงกับข้อมูลจากพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับพันจันทนุมาศ หนังสือเจ้าพระยาจักรีฯถึง
                                                                                    ่
                                                                            ่
               เจ้าพระยาสวรรคโลก ฉบับที่ ๔  ความว่า “นายฝองหนีมาแต่กองทัพพมาให้การวา พระเจ้าอังวะป่วยตาย ลูก
               พระเจ้าอังวะขึ้นเป็นเจ้าเมืองอังวะ...หนังสือมาณ วัน ๑ ๑๒ ค่ำ  จุลศักราช ๑๑๓๖ ปีมะเมียฉอศก (พ.ศ.

               ๒๓๑๗)”
                                          ้
                       และข้อมูลจากหนังสอเจาพระยาจักรีฯถึงพระศรีสวัสดิ ฉบับที่ ๕ ความว่า “นายฝองชาวเมืองลับแล หนี
                                       ื
               มาแต่กองทัพโป่ชุกพลา ให้การว่าพระเจ้าอังวะเป็นไข้ตาย ลูกเจ้าอังวะผู้ตายขึ้นครองราชย์สมบัติแทนบิดา...

               หนังสือมาณ วัน ๑ ๑๒ ค่ำ  จุลศักราช ๑๑๓๖ ปีมะเมียฉอศก (พ.ศ.๒๓๑๗)”


                       พันจันทนุมาศ (เจิม), ๒๔๘๐, พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๕, กรุงเทพ: เด

               ลิเมล, หน้า ๑๐๕-๑๐๖
                    ์
                       พิจารณาความแล้วเป็นไปได้ว่า นายฝองชาวเมืองลับแลอาจถูกกวาดต้อนเข้าใส่ในกองทัพโปสุพลา

                                                                 ้
               เมื่อคราวเมืองลับแลแตกปีพ.ศ.๒๓๑๖ แล้วหลบหนีออกมาไดในปี พ.ศ. ๒๓๑๗
                       นอกจากนี้แล้วเนื้อความในคร่าวยังบอกอีกว่า พม่าได้เกณฑ์ผู้คนจากทุกเมือง(ทัพผสม)มาช่วยกัน
               แปงยองชู คะลุก ทังเมียกทา และแม่คะทุก ไทยว่าตายเตี้ย สุบู หอผ่อดู แต่งไว้ชุกล้ำ ความตรงนี้กล่าวถึงการ

               สร้างป้อมค่ายของพม่าที่เมืองลับแล ด้วยความที่กวีเป็นคนยองจึงมีคำศัพท์ที่ออกเสียงสำเนียงต่างไปจากไทยวน

               ล้านนาเชียงใหม่ จึงควรทำการพิจารณาคำและความหมายของคำศัพท์ที่พบอย่างรอบคอบ ดังนี้








                                                       ด่านของเมืองลับแล
                                                           หน้า ๖๐
   692   693   694   695   696   697   698   699   700   701   702