Page 307 - รูปเล่ม-HACC-ปี-2562 ฉบับสมบูรณ์ 2
P. 307
303
14-12 Oral Presentation
ชื่อเรื่อง : การศึกษาปัจจัยที่ผลต่อการกดไวรัสเอชไอวีในผู้ติดเชื้อที่รับประทานยาต้านไวรัสในโรงพยาบาลด่านขุนทด
ผู้นำเสนอ: ศศิธร ชาววัลจันทึก ตำแหน่ง : เภสัชกรปฏิบัติการ
E-mail : koyama.ichy@gmail.com เบอร์โทรศัพท์ : 09 1014 6940
หน่วยงาน : กลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองบริโภค โรงพยาบาลด่านขุนทด
เป็นการศึกษาแบบเชิงพรรณนา cross sectional descriptive study ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง: เกณฑ์
การคัดเข้า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ทุกรายที่เริ่มรับยาต้านไวรัสในโรงพยาบาลด่านขุนทด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558
ถึง 31 ตุลาคม 2561 เกณฑ์การไม่คัดเลือก เคยได้รับยาต้านไวรัสมาก่อนระยะเวลาการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ : แบบบันทึกการเก็บข้อมูล วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล: รวบรวมข้อมูลความร่วมมือในการใช้ยาจากเวช
ระเบียนแฟ้มผู้ป่วย รวมบรวมน้ำหนักและผลตรวจทางห้องปฏิบัติการจากเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์จากฐานข้อมูล
HOSXP รวบรวมข้อมูล baseline CD4 ผล viral load และสูตรยาต้านไวรัสเริ่มต้นจากบันทึกข้อมูลลงระบบ NAP
ของ สปสช. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้: วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม Stata 14.0 สถิติที่ใช้เป็นข้อมูลเชิง
ปริมาณ (1) ข้อมูลความชุก สรุปเป็นร้อยละ (2) ข้อมูลปัจจัยเสี่ยงใช้สถิติ multiple logistic regression สรุปข้อมูล
เป็น odd ration และ adjust odd ration (3) ตัวแปรต้นที่เป็น dichrotomous data ได้แก่ เพศ ระดับ CD4 ก่อน
เริ่มยา ความร่วมมือในการรับประทานยา (4) ตัวแปรต้นที่เป็นค่าต่อเนื่อง คือ น้ำหนัก (5) ตัวแปรต้นที่เป็น ordinal
data คือช่วงอายุ (6) ตัวแปรตาม คือการกดไวรัสเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ (viral suppress) เป็น ordinal data
ผลการวิจัย : คะแนนด้านความรู้ กลุ่มตัวอย่าง มีความรู้เรื่องโรคไข้เลือดออก เฉลี่ยเท่ากับ 1.29 อยู่ในระดับปานกลาง
2) คะแนนด้านทัศนคติ กลุ่มตัวอย่าง มีค่าเฉลี่ยทัศนคติโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง (X = 2.22) และ 3) คะแนน
ด้านการปฏิบัติตัว กลุ่มตัวอย่าง มีค่าเฉลี่ยคะแนนการปฏิบัติตัว เรื่องโรคไข้เลือดออก อยู่ในระดับน้อย (X = 1.22)
และความรู้ ทัศนคติ ไม่มีความสัมพันธ์ทางสถิติกับการปฏิบัติตัวในเรื่องการควบคุม ป้องกันโรคไข้เลือดออก ( p <
0.05)
การนำไปใช้ประโยชน์ : นำผลการศึกษาปัจจัยที่ผลต่อการกดไวรัสเอชไอวีในผู้ติดเชื้อที่รับประทานยาต้านไวรัส คือ
การการเริ่มยาเร็วที่ CD4 สูงมีผลการกดไวรัสเอชไอวีได้ ดังนั้นกลุ่มผู้ชายเพศชายควรได้รับการบริการให้คำแนะนำ
เจาะเลือดแบบเชิงรุก ได้แก่ กลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย, ผู้ป่วยคลินิกสุราเรื้อรัง, และสามีของหญิงตั้งครรภ์ เพื่อ
ค้นหาผู้ป่วยและให้ผู้ป่วยได้เริ่มยาเร็วขึ้น ร่วมพัฒนางานบริบาลเภสัชกรรมด้านให้คำปรึกษากลุ่มผู้ติดเชื้อวัยรุ่นที่ต้อง
ให้คำปรึกษาด้วยเทคนิคพิเศษ ให้เกิดความเข้าใจและสัมพันธภาพที่ดี สร้างความร่วมมือในการรักษาอย่างต่อเนื่อง