Page 22 - PP
P. 22

ประวัติ




            ฟัน โคค เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่เมืองซึนเดิร์ต (Zundert)
        ในภูมิภาคบราแบนต์  ประเทศเนเธอร์แลนด์  (เป็นเมืองที่ติดกับชายแดน

        เบลเยียม) มีพ่อเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน

        เป็นชนชั้นกลางที่มีชีวิตแบบแคบ  ๆ  ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง  เขาเป็นเด็ก
        หนุ่มที่ดูเงอะงะ  ไม่คล่องแคล่วเหมือนคนมีปมด้อย  ค่อนข้างใจน้อย  เขามี

        นิสัยชอบเก็บตัวและมีอาการของโรควิตกกังวล และยังมีอารมณ์ที่อ่อนไหว

        ง่าย อ่อนโยน มีความเมตตาต่อคนทุกข์ยาก ทําให้ทุกคนมองเขาว่าเป็นคน
        เจ้าอารมณ์ น่ารําคาญ เมื่ออายุได้ 16 ปี เขาได้เข้าทํางานที่ห้องภาพแห่ง

        หนึ่งที่เดอะเฮก  กับญาติที่ทํางานด้านศิลปะ  และเมื่อเขามีอายุได้  18  ปี

        เขาก็ถูกส่งตัวไปยังห้องภาพที่สาขาปารีส  ด้วยความที่เขาเป็นคนซื่อ  และ

        ความเบื่อหน่ายที่ทางห้องภาพเอารูปเลว  ๆ  มาหลอกขายกับคนที่ไม่รู้จัก
        ศิลปะ เขาถึงกับบอกให้ลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้น จนกระทั่งทางร้านไม่พอใจ

        ไล่เขาออกจากงานในที่สุด

        หลังจากนั้น  เขาจึงหันไปศึกษาทางศาสนาอย่างจริงจัง  หลังจากสอบเข้า
        วิทยาลัยศาสนาที่นครอัมสเตอร์ดัมได้  14  เดือน  เขาพบว่าตนเองไม่ได้

        อะไรอย่างที่ตั้งใจไว้  จึงเลิกเรียนเสียและได้ย้ายไปอยู่ในเหมืองถ่านหินใน

        ตําบลบอรีนาฌ เพื่อเทศนาสั่งสอนและช่วยเหลือคนทุกข์ยากในเหมืองนั้น

        โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  เขาอุทิศเงินจํานวนหนึ่งให้กับคนทุกข์ยากโดยที่
        ตนเองมีเงินใช้อย่างจํากัด  และต้องกินเศษขนมปัง  ทําให้ร่างกายผอมลง

        และเป็นพิษไข้              เพราะการบริโภคที่ผิดอนามัยและความหนาวเหน็บจาก

        กองไฟกองเล็กที่ไม่อาจสู้กับความหนาวเย็นของอากาศได้  ทําให้ความงก
        ๆ เงิ่น ๆ ของเขามีมากยิ่งขึ้น

        ฟัน โคค เป็นคนที่พูดไม่เก่ง ทําให้การเทศนาสั่งสอนของเขาไม่อาจจับจิต

        ชาวเหมืองได้ ประกอบกับความใจบุญของเขาทําให้คนเหล่านั้นมองว่าเขา
        เป็นคนแปลกแตกต่างจากคนเหมือง  ทําให้เขาเศร้าใจมาก  และศาลพระก็

        ไม่ยอมแต่งตั้งให้เขาเป็นนักเทศน์  ในที่สุดชีวิตของเขาต้องเร่ร่อนไปอย่าง

        ไร้จุดหมาย  เขาไม่ยอมแม้กระทั่งที่จะเขียนจดหมายถึงเตโอ  น้องชายคน
        สนิท

        จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1880 เขาได้เขียนจดหมายมาบอกกับเตโอ น้องของเขา

        ว่า เขาค้นพบแล้วว่า ศิลปะคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และเข้ามาแทนที่สิ่ง

        อื่น  ๆ  จนหมด  เขาใช้เวลาเพื่อศึกษามันด้วยตนเองอย่างจริงจัง  ก่อนหน้า
        นั้นเขาเคยเขียนรูปมาบ้างแต่ไม่จริงจังเท่าไหร่  แต่ต่อจากนี้ไปมันคือชีวิต

        จิตใจของเขา




        22 post-impressionism
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27