Page 77 - JMSD Vol.1 No.3 -2016
P. 77

วารสาร มจร การพัฒนาสังคม
                                                                ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม 2559

                 สังคมสงเคราะห์ถูกใช้เพื่อการแก้ไขความขัดแย้งและความตึงเครียดระหว่างกัน เพื่อหล่อหลอม
                 ประชาชนที่ถูกตราหน้าว่า “เบี่ยงเบน” ให้กลับคืนสู่สังคมได้ และเพื่อสร้างสรรค์ความเป็นนำ้าหนึ่ง
                 ใจเดียวกันระหว่างประชาชนกับสิ่งแวดล้อมทางสังคมของเขา ด้วยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเข้าหา
                 กันและกัน บทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ตรงจุดนี้คือ การควบคุมประชาชนที่ถูกผลักออกไปและ
                 ปฏิรูปโครงสร้างสังคมที่สูญเสียไปนั่นเอง ขณะที่รูปแบบความขัดแย้งมุ่งไปที่ประเด็นอำานาจและการ
                 ถือครองอำานาจที่เป็นปัญหาอันเป็นผลมาจากการกระจายอำานาจไม่สมดุล จากประเด็นนี้บทบาท
                 ของนักสังคมสงเคราะห์จะต้องรับมือกับความอยุติธรรมทางสังคม และพิทักษ์สิทธิของผู้ที่ถูกเอา
                 รัดเอาเปรียบและอ่อนแอ เพราะเป้าหมายของนักสังคมสงเคราะห์คือการเปลี่ยนผ่านอำานาจและ
                 การใช้อำานาจเพื่อการบริหารจัดการทางสังคม


                 สัมพันธภำพที่เป็นไปได้ 4 รูปแบบ (Four Possible Relationship)
                        สัมพันธภาพระหว่างสังคมสงเคราะห์กับสถาบันทางสังคมอาจทำาความเข้าใจได้จากรูปแบบ
                 4 ประการ นี้ (Cowger, 1977) คือ
                        1. สังคมสงเคราะห์ในฐานะตัวแทนของการควบคุมทางสังคมในนามของสถาบันทางสังคม
                        2. สังคมสงเคราะห์ในฐานะผู้ปฏิรูปสังคม
                        3. สังคมสงเคราะห์ในฐานะผู้แยกขาดจากสังคม
                        4. สังคมสงเคราะห์ในฐานะสื่อกลางระหว่างปัจเจกบุคคลกับสถาบันทางสังคม
                        แต่ละตำาแหน่งแห่งที่ชี้ให้เห็นถึงสัมพันธภาพระหว่างสังคมสงเคราะห์กับสถาบันทางสังคม
                 ที่แตกต่างกัน แต่ละอย่างให้ความหมายที่แตกต่างกันในการปฏิบัติงานทางสังคมสงเคราะห์ สังคม
                 ในฐานะเครื่องมือขัดเกลาทางสังคมโดยเน้นไปที่การควบคุมทางสังคม (Brenda DuBois and
                 Karla Krogsrud Miley, 2005) ประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่า ความดีสาธารณะถูกให้ความสำาคัญเหนือ
                 กว่าความต้องการของปัจเจกบุคคล อีกประการหนึ่ง ขณะที่ผู้ปฏิรูปสังคมได้ใช้การปฏิรูปทาง
                 สังคมสงเคราะห์วิชาชีพเพื่อตอบสนองต่อปัญหา โดยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆ และ
                 ท่าทีที่รุนแรงอาจจะทำาให้พันธมิตรที่มีศักยภาพแปลกแยกออกไป และสะกัดกั้นความพยายาม
                 ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้
                        ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่นักสังคมสงเคราะห์บางคนอาจจะผลักดันแบบโดดเดี่ยวในการ
                 แทรกแซงการบำาบัดรักษาโรคและสงวนท่าทีแบบกลาง ๆ ในความสัมพันธ์กับสังคม ตำาแหน่งแห่งที่
                 ลักษณะนี้ดูเหมือนจะไม่คงเส้นคงวานักกับอาณัติด้านความยุติธรรมทางสังคมอย่างมืออาชีพ บทบาท
                 โซ่ข้อกลางโดยสัดส่วนมีความใกล้เคียงกันมากกับแนวคิดทางสังคมสงเคราะห์ ในฐานะกระบวนการ
                 เสริมพลังอำานาจที่ทำางานเป็นหุ้นส่วนกันกับผู้ใช้บริการ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้ง
                 แก่ตัวปัจเจกบุคคลและสิ่งแวดล้อมทางสังคมของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ
                 พื้นฐานของหุ้นส่วนกับการเสริมพลังอำานาจสามารถเปลี่ยนผ่านวิถีทางกลยุทธ์การทำางานของนัก
                 สังคมสงเคราะห์ที่สัมพันธ์กับการควบคุมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้







                                                                                           69
   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82