Page 2 - การใช้ประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติ
P. 2
2
2. ก๊าซอีเทน (C H ) : ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้น
2 6
สามารถน าไปใช้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีน (PE) เส้นใยพลาสติกชนิดต่างๆ เพื่อ
น าไปใช้แปรรูปต่อไป
3.ก๊าซโพรเพน (C H ) : ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเม็ด
3 8
พลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) เพื่อผลิตยางสังเคราะห์ กาว
หม้อแบตเตอรี่
4.ก๊าซบิวเทน (C H ) : ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิต
4 10
สารเติมแต่ง เพื่อเพิ่มค่าออกเทนในน้ ามัน ยางสังเคราะห์
และพลาสติกเอบีเอส
5.ก๊าซโพรเพน (C H ) และก๊าซบิวเทน (C H ) :
3 8
4 10
ก๊าซโพรเพนใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นได้เช่นเดียวกัน และหากน าเอา
ก๊าซโพรเพนกับก๊าซบิวเทนมาผสมกัน อัดใส่ถังเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Pe-
troleum Gas - LPG) หรือที่เรียกว่าก๊าซหุงต้ม สามารถน าไปใช้เป็นเชื้อเพลิงใน
ครัวเรือน เป็นเชื้อเพลิงส าหรับรถยนต์ และใช้ในการเชื่อมโลหะได้ รวมทั้งยังน าไปใช้ใน
โรงงานอุตสาหกรรมบางประเภทได้อีกด้วย
6.ก๊าซโซลีนธรรมชาติ : แม้ว่าจะมีการแยกคอนเดนเสทออก
เมื่อท าการผลิตขึ้นมาถึงปากบ่อบนแท่นผลิตแล้ว แต่ก็ยังมีไฮโดรคาร์บอนเหลวบางส่วน
หลุดไปกับไฮโดรคาร์บอนที่มีสถานะเป็นก๊าซ เมื่อผ่านกระบวนการแยกจากโรงแยกก๊าซ
ธรรมชาติแล้ว ไฮโดรคาร์บอนเหลวเหล่านี้ก็จะถูกแยกออก เรียกว่า ก๊าซโซลีนธรรมชาติ
หรือ NGL (natural gasoline) และส่งเข้าไปยังโรงกลั่นน้ ามัน เป็นส่วนผสมของ
ผลิตภัณฑ์น้ ามันส าเร็จรูปได้เช่นเดียวกับ คอนเดนเสท และยังเป็นตัวท าละลายซึ่ง
น าไปใช้ในอุตสาหกรรมบางประเภทได้เช่นกัน
7.ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ : เมื่อผ่านกระบวนการแยกแล้ว จะถูกน าไปท าให้อยู่ในสภาพ
ของแข็ง เรียกว่าน้ าแข็งแห้ง น าไปใช้ในอุตสาหกรรมถนอมอาหาร อุตสาหกรรมน้ าอัดลม
และเบียร์ ใช้ในการถนอมอาหารระหว่างการขนส่ง น าไปเป็น วัตถุดิบส าคัญในการท า
ฝนเทียม และน าไปใช้สร้างควันในอุตสาหกรรมบันเทิง อาทิ การแสดงคอนเสิร์ต หรือ
การถ่ายท าภาพยนตร์
8.ไฮโดรคาร์บอนเหลว (Heavier Hydrocarbon) : อยู่ในสถานะที่เป็น
ของเหลวที่อุณหภูมิและความดันบรรยากาศ เมื่อผลิตขึ้นมาถึงปากบ่อบนแท่นผลิต
สามารถแยกจากไฮโดรคาร์บอนที่มีสถานะเป็นก๊าซบนแท่นผลิต เรียกว่า คอนเดนเสท
(Condensate) สามารถล าเลียงขนส่งโดยทางเรือหรือทางท่อ น าไปกลั่นเป็นน้ ามัน
ส าเร็จรูปต่อไป