Page 2 - เทวโลก.xls
P. 2

วิปสสนาคือเมื่อจิตสงบตั้งมั่นแลวมีการตริตรึก ถึงความไมเที่ยง ความแตกดับ ความไมใชตัวตนที่แทจริง แลวปลอยวางสลัดออก สละคืน ซึ่งขันธ ธาตุ อายตนะ วานั่นไมใชเรา ไมใชของเรา ไมใชตัวตนของเรา
           ผูใหทานดวยการปรุงแตงจิต จะไดผลใหญอานิสงคใหญคือไดความเปนอริยะ สวนอัตภาพในเทวโลกจะไดตั้งแตเหลาพรหมายิกาขึ้นไป จะเปนชั้นไหนนั้นขึ้นกับสัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปญญา
                                                                วิญญาณฐิติ  ๑  ๒  ๓  ๔  อายตนะที่๑  ๕  ๖  ๗  อายตนะที่๒
                                                 ๕ กําลังอยูในสัมมาสมาธิตั้งแต ฌาน ๑ ขึ้นไป ถึง สัญญาเวทยิตนิโรจน
                                                       (ปรมัตถสัจจ) โลกุตระ คือเหนือโลก ไมมีความเกิดปรากฏ ไมมีความเสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยูไมมีภาวะอยางอื่นปรากฏ (ไมมีขันธ ธาตุ อายตนะ) พนจากความเปนสัตว เปนวิมุติญาณทัศน หรือปรินิพพาน
                                                          สมถะคือจิตมีความสงบตั้งมั่น แลวมีความพอใจในความสงบนั้นทุกขั้น ตั้งแตรูปสัญญาคือฌาน ๑ - ๔ ถึง อรูปสัญญาคือ อากาสานัญจายตนะ ถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ (รวมถึงเจริญพรหมวิหาร ๔)
                                                 (สัมมติสัจจ) โลกียะ คือโลกทั้ง ๓ โลก มีความเกิดปรากฏ มีความเสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยูมีภาวะอยางอื่นปรากฏ (คือมีขันธ ธาตุ อายตะ) มีสิ่งๆหนึ่งมาพอใจในขันธ ธาตุ อายตนะ สิ่งๆนั้นจึงเรียกวาสัตว
                                                     เมื่อขันธ ธาตุ อายตนะ มีความเกิดปรากฎ มีความเสื่อมปรากฏ มีความดับปรากฏ สัตวผูมีความพอใจในสิ่งเหลานี้จึงเกิด เสื่อม ดับ ไปตามมัน ตองสลัดคืนวานี่ไมใชเรา ไมใชของเรา ไมไดเปนเรา
                     โอกาสที่จะบรรลุธรรมมีไดโดยรอบ เชน


                                        ๓ กําลังฟงธรรม (ฟงคําสอนที่ตถาคตตรัสไวดีแลว)
                               ๑ ตริตรึก ละรึกธรรมไดเอง  (ที่เคยสั่งสมสุตตะมา)
              ผูเจริญสมถะภาวนายอมเขาสูเทวโลกชั้นใดชั้นหนึ่งที่เปนปุถุชนเมื่อสิ้นอายุขัย แลวยอมเขาสูโลกอบายทุคติวินิบาติ โอกาสที่จะไดเปนเทวดาและมนุษยนั้นนอยนิด
                                                                    ก"$%&'(	ก%  'ก  	%  %  	"#  (" *)   อากาสานัญจายตน  วิญญาณัญจายตน  อากิญจัญญายตน  เนวสัญญานาสัญญายตน
                                            ๔ กําลังแสดงธรรม (ถายทอดคําสอนของตถาคต)
                                                                                                    ผูที่รูชัด ทราบชัดความเกิดและความดับ ทั้งคุณและโทษ และรูอุบายเปนเครื่องออกไปจากวิญญาณฐิติ ๗ และอายตนะ ๒ เหลานี้ ตามเปนจริงแลว ยอมเปนผูหลุดพนได เพราะไมยึดมั่น
                                                                "#                                           
		
 
 !
                 สวนสาวกผูเจริญวิปสนาภาวนา และเคยไดฟงคําสอนตถาคต ยอมเขาสูเทวโลกชั้นใดชั้นหนึ่ง และจะปรินิพพานในภพ (ที่แหงนั้น) นั้นไมวนมาสูโลกทั้งสามอีก
                                   ๒ กําลังสาธยายธรรม (สวดคําสอนตถาคต)




                                             (แลวเจริญวิปสสนาญาณ)                                           ๒ กรรมขาววิบากขาว ไดแก เหลาเทพชั้นสุภกิณหะ











                         นับจากพรหมายิกาชั้นปริสัชชา ถึง ชั้นอนิฏฐะ ในเหลาสุทธาวาส
                                 ๑. โลกอบายหรืออบายภูมิ ๓ ประกอบดวย นรก๑ เดรัจฉาน๑
                     นับจากอเวจีนรกขึ้นมารวมมนุษถึงสวรรคชั้นปรนิมมิตสวัตตี
                             นับจากอากาสานัญจายตนะ ถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ
                                   เปรตวิสัย๑ อสุรกาย(จะไมปรากฎเมื่อตถาคตอุบัติขึ้น)
                                                                                                                   เทวโลก ๓ กรรมทั้งดําทั้งขาววิบากทั้งดําทั้งขาว ไดแก  มนุษย เทพบางพวก วินิปาติกสัตวบางพวก   ๔ กรรมไมดําไมขาววิบากไมดําไมขาว เปนไปเพื่อความสิ้นกรรมคือ มรรคมีองคแปด หรือ โพชฌงคเจ็ด


                                      ๒. โลกมนุษยหรือมนุษยภูมิ ๑ คือมนุษยโลก ๓. เทวโลกหรือเทวภูมิ ๑ มี ๗ เหลา ๒๕ ชั้น ประกอบดวย  สวรรค ๖ ชั้น พรหมายิกา ๓  อาภา ๓ สุภา ๓ เวหัปพละ ๑   สุทธาวาส ๕  ภัควภพ ๔  " 5 สัตวพวกที่มีกายตางกัน มีสัญญาตางกัน เหมือนมนุษย เทวดาบางพวกและวินิปาติกสัตวบางพวก(เปรต ยักษ อสุรกาย) นี้เปนสัตตาวาสชั้นที่ ๑ สัตวพวกที่มีกายตางกัน มีสัญญาอยางเดียวกัน เหมือนเทวดาผูอยูในชั้นพรหม ผูเกิดในภูมิปฐมฌาน นี้เปนสัตตาวาสชั้นที่ ๒  สัต



























                     กามาวจร หรือ กามภพ  รูปาวจร หรือ รูปภพ  อรูปาวจร หรือ อรูปภพ  คติ ๕ ประกอบดวย  นรก ๑  เดรัจฉาน ๑   เปรตวิสัย ๑ มนุษย ๑ เทวโลก ๑ เหลานี้คือ ทางไปของสัตวโลกทั้ง ๓ โลก  เพราะไมใสใจถึงนานัตตสัญญา นี้เปนสัตตาวาสชั้นที่ ๖  อยางนี้ตถาคตเรียกวา     ปญญาวิมุตติ ฯ  ก"'กก $
ก, : 	 (












                                                 สังคตะ  อสังคตะ    ๑  ๒  ๓   ๔  ๕    ๖   ๗   ๘  ๙
   1   2