Page 153 - จิตรกรรมปริศนาธรรมภาคใต้
P. 153
มีสติปัญญา มีอุบายที่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะฆ่าส่ิงใหญ่ๆ ลงมาได้ เหมือนกับการพังทลายภูเขา ดังน้ันจึงมีการบรรลุความรู้ ท่ีเรียกว่า “ญาณ” ไปตามลาดับ ตั้งแต่สัมมะสนะญาณ-มรรคญาณ-ผลญาณ
แนวหรือวิธีกรรมที่จิตจะเปลี่ยนไปนั้น มันอยู่ท่ีว่าในช้ันแรก ให้ดูลักษณะทั่วๆ ไปเสียก่อน คือ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ท่ัวๆ ไป ความไม่เท่ียง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาท่ัวๆ ไป เป็นการดูท่ัวๆ ไปทีหน่ึงก่อน แล้วจึงดูเฉพาะเจาะจงลงไปที่ อาการของความเกดิ ขนึ้ งอกขนึ้ ปรงุ ขนึ้ ของสง่ิ ตา่ ง ดว้ ยอา นาจเหตปุ จั จยั ของมนั เอง เพอื่ เหน็ ความไมเ่ ทยี่ ง เหน็ การกระทา ท่ี ไม่เที่ยง เห็นความท่ีครั้งแรกไม่มีแล้วก็มีขึ้น งอกข้ึนมาด้วยเหตุปัจจัย น่ีเรียกว่า อุทะยัพพะยะญาณ
เมื่อเห็นความงอกข้ึน เกิดขึ้น และเปลี่ยนไปอย่างนี้แล้ว ดูแต่สุดท้ายอย่างเดียว คือ ความดับลงไปๆ เรียกว่า ภังคญาณ เมื่อเห็นว่ามีการเกิดกับการดับ และโดยเฉพาะความดับเต็มไปหมดท่ัวท้ังวัฏฏสงสาร เห็นความดับทุกหน ทกุ แหง่ กห็ มายความวา่ สงั ขารทงั้ หลายไมม่ อี ะไร นอกจากมายา ยดึ ถอื ตรงไหนไมไ่ ด้ มนั มแี ตด่ บั ลงๆ ไมอ่ ยใู่ นอา นาจของใคร เกิดความรู้สึกกลัวต่อวัฏฏสงสารขึ้นมา เรียก ภะยะตุปัฏฐานญาณ
เมอื่ เราดทู คี่ วามเกดิ ดทู คี่ วามดบั เกดิ ความกลวั ดตู อ่ ไปกจ็ ะเหน็ วา่ มนั เตม็ ไปดว้ ยโทษไมม่ คี ณุ เรยี กอาทนี วญาณ แลว้ กเ็ บอื่ หนา่ ยตอ่ อาการเหลา่ นี้ ตอ่ สงิ่ ทจี่ ะตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งนเี้ สมอ เรยี กนพิ พทิ าญาณ ความรสู้ กึ ทอ่ี ยากจะพน้ อยา่ งรนุ แรง กเ็ กดิ ขนึ้ มา ซงึ่ เรยี กวา่ มญุ จติ กุ มั ะยะตาญาณ แลว้ หาทางพน้ ดว้ ยอบุ าย เพราะวา่ กเิ ลสนเี้ ราเขา้ ไปเลน่ งานมนั ซงึ่ ๆ หนา้ ไมไ่ ด้ ต้องใช้อุบายท่ีแยบคายเหมือนจะฆ่างู ต้องทาให้มันถอยกาลังเสียก่อนหรือเหมือนจะฆ่าเสือต้องล้อมไว้ไม่ให้กินอาหาร มันก็ทรุดโทรมเอง แล้วก็ฆ่าได้ง่ายท่ีสุดทีหลังทีน้ีก็มีความวางเฉยได้ในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางล้ิน ทางกาย เรยี กวา่ สงั ขารเุ บกขาญาณ เมอื่ วางเฉยตอ่ ทกุ สงิ่ ไดอ้ ยา่ งนแี้ ลว้ พรอ้ มทจ่ี ะบรรลมุ รรคผล เรยี กวา่ สจั จานโุ ลมกิ ญาณ ญาณในขณะที่พร้อมเพรียงของธรรมะทุกข้อ มีมรรคประกอบด้วยองค์ 8 เป็นต้น ซึ่งเปรียบด้วยเรือสาเภา
ต่อไปก็มีโคตรภูญาณ มองเห็นสภาพท่ีปราศจากความทุกข์ คือ นิพพานได้ ราวกับอยู่จ่อหน้า จิตเริ่มถอย ออกมา เหมือนวัวที่ถอยออกมาจากคอกได้ด้วยสติและปัญญา คือ เชือกและหอกที่อยู่ข้างหลัง
ทีนี้บรรลุมรรคผล 4 ซึ่งแสดงด้วยดอกบัวเร่ิมบาน 4 ระดับ สรุปให้เห็นได้ว่า มีอาการเหมือนกับพบหยิบแก้ว ขึ้นมา แล้วชูแก้วขึ้นเหนือศีรษะ ด้วยความดีใจ แล้วลดลงมาชมเชย ขณะแห่งโคตรภาณ เหมือนกับพบแก้ว ขณะมรรคญาณ เหมอื นกบั หยบิ แกว้ ขณะผลญาณเหมอื นกบั ชแู กว้ ขนึ้ เหนอื ศรี ษะ ขณะปจั จเวกขณญาณ เหมอื นกบั ลดแกว้ ลงมาชม แลว้ กม็ ี ความหลุดพ้น เหมือนดังภาพที่แสดงว่า ถ้ายังไม่หลุดพ้น ก็กระดิกไม่ไหว เหมือนถูกงูรัด พอพ้นแล้วก็เบาสบาย เหมือนกับ ได้ราฟ้อน อย่างนี้เป็นต้น
3.4 คติควํามเช่ือในสมุดภําพปริศนําธรรมไทย
ภาพปริศนาธรรมไทย มีคติความเชื่อสอดคล้องกับอริสัจจ์ 4 อันเป็นกุศลธรรม เพ่ือให้ผู้ศึกษาภาพเข้าถึง หลักธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก โดยอาศัยหลักเหตุผลนิยม เน้นให้เห็นถึงเหตุของทุกข์ และการปฏิบัติให้ถึง การดับทุกข์ และเป็นการเตือนให้ผู้ดูชมเตรียมพร้อมไม่ให้เกิดความประมาทในการดาเนินชีวิตอาจจะนามาซึ่งการเป็นทุกข์ ดงั ปรากฏในภาพปฏจิ จสมปุ บาท และสอดคลอ้ งกบั ความเชอื่ เรอื่ งกฏแหง่ กรรมของชาวภาคใต้ ดงั ปรากฏภาพผลของอวชิ ชา เป็นต้น
143