Page 42 - จิตรกรรมปริศนาธรรมภาคใต้
P. 42
เทคนิคเชิงช่ํางกํารใช้สีในปริศนําธรรม
สกุลช่างรัตนโกสินทร์ในการเขียนภาพปริศนาธรรมมีการแสดงออกในเรื่องการใช้เส้นและรูปทรงเด่นมากกว่า การใช้สี สีที่ใช้มักเป็นสีคล้า(สีต่างๆผสมด้วยสีดา)ซ่ึงลักษณะเฉพาะของช่างในสมัยรัตนโกสินทร์เจตนาเน้นความสาคัญ ของเส้นและรูปทรง ดังเช่น การใช้สีพ้ืนหลังหรือฉากธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าเขา เนินดิน โขดหินและต้นไม้นานาพันธุ์ เป็นกลุ่มสีคล้าและสีหม่น(สีท่ีผสมด้วยสีเทา)จึงไม่ทาให้สะดุดตาสะดุดใจแต่สีถือเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญในงานจิตรกรรม ฝาผนังเพราะสีทาหน้าที่เป็นตัวเสริมหรือทาลายคุณค่าของเส้นและรูปทรงทาให้ปรากฏเด่นชัด(สน สีมาตรัง, 2522: 2)
จิตรกรรมฝาผนังวัดสุวรรณรามส่วนท่ีเป็นแบบอย่างของงานช่างรุ่นเก่า คือ การระบายสีเรียบและการตัดเส้น ขอบคม การใช้สีอิงความสมจริงมากยิ่งขึ้น จานวนสีใช้มากกว่าก่อนและเริ่มมีการเกล่ียน้าหนักสี เช่น ท้องฟ้าเคยระบายสี เรียบคล้ายฉากก้ันเร่ิมมีท่ีเขียนให้สมจริง เช่น เกล่ียสีจากขอบฟ้าสีขาวเป็นสีฟ้าเข้มข้ึนไปถึงบนสุด และฉากพื้นดินระบาย ด้วยสีมืด จึงคัดรายละเอียดให้ฉากชัดย่ิงข้ึน สีเขียว อ่อน – กลาง – เข้ม ที่ใช้สาหรับเขียนต้นไม้ เพ่ือเป็นภาพปราสาทราชวัง ให้สง่างาม (สันติ เล็กสุขุม, 2548: 83) เทคนิคเชิงช่างการใช้สีดังกล่าวซ่ึงเขียนด้วยสีฝุ่นจะปรากฏทั้งแบบแผนช่างหลวง และช่างตามหัวเมืองภาคใต้ ซึ่งช่วงสมัยรัชกาลท่ี 3 จะใช้การระบายสีเรียบและตัดเส้นขอบคมเป็นส่วนใหญ่และได้มีการ พัฒนาการใช้ร่วมกันทั้งการเกลี่ยสีให้มีน้าหนัก การใช้สีมากข้ึนโดยการอิงความสมจริง ซึ่งทุกวัดในภาคใต้จะมีรูปแบบ การใช้กลุ่มสีตามความเหมาะสมกับเนื้อหาบรรยากาศ ความรู้สึกของช่างที่มีความอิสระในการเลือกการใช้สีและการ รับอิทธิพลตามแบบแผนช่างหลวงภาคกลางท่ีมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง และมีความหลากหลายในกลุ่มการใช้สี เช่น กลุ่มสีเอกรงค์ (Monochrome)คือ การใช้สีเดียว แต่มีค่าน้าหนักอ่อนแก่หลายระดับสร้างความกลมกลืนของสีเพ่ือให้เกิด ความเป็นจริงตามธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการได้รับอิทธิพลแบบศิลปะตะวันตกของรัชกาลที่ 4 แทบทุกวัดส่วนใหญ่ จะปรากฏในภาพทิวทัศน์กลุ่มที่ใช้สีข้างเคียง เป็นการใช้สี 2 สี หรือ 3 สี ผสมกันให้มีน้าหนักอ่อน กลาง เข้ม และเกิดความ กลมกลืน เพื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึกและสร้างมิติของภาพตามแบบแผนช่างหลวงส่วนกลุ่มการใช้สีตรงกันข้าม จะสร้าง ความกลมกลืนของสีด้วยการผสมสีขาว ลดความจัดของสี เพ่ือสร้างความกลมกลืนมากข้ึน จะปรากฏในส่วนของเคร่ือง ทรงเทพชุมนุม ปราสาทราชวัง ซึ่งปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังช่วงรัชกาลท่ี 3 เป็นช่วงท่ีมีการพัฒนาคลี่คลายเปลี่ยนแปลง ตามศิลปะตะวันตกท่ีมีการใช้สีพหุรงค์มากข้ึนและกลุ่มการใช้สีสามเส้าเช่นสีแดง สีเหลือง สีน้าเงิน มีความเด่นเท่ากัน ช่างจะลดค่าของสีให้เกิดความกลมกลืนด้วยการผสมสีขาวหรือดา ทาให้ภาพดูน่าสนใจกระตุ้นต่อความรู้สึกของผู้ดูให้เกิด การรับรู้และเห็นความสาคัญของภาพน้ันๆ จะปรากฏในส่วนหลังคาปราสาทราชวัง เคร่ืองแต่งกาย เช่น วัดมัชฌิมาวาส วรวิหาร วัดสุวรรณคีรีจังหวัดสงขลาและวัดอื่นๆ และการใช้สีตามแบบศิลปะตะวันตกมากข้ึนตามลาดับของรัชกาลท่ี 4-9 ท่ีมีการแสดงค่าของสีให้มีน้าหนักอ่อน กลาง เข้ม มีสามมิติ เสมือนจริงตามเทคนิคเชิงช่างของช่างหลวงภาคกลาง
สรุปเทคนิคเชิงช่าง ในการเขียนภาพตัวพระนาง ฉากทิวทัศน์ ภาพต้นไม้ สัตว์ พ้ืนดิน ท้องฟ้า ส่ิงก่อสร้าง โขด หินและอื่นๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเทคนิควิธีการเขียนอย่างต่อเน่ืองซ่ึงเกิดจากการปรับตัวจากอิทธิพลภายนอกรูป แบบท่ีหลากหลาย ดังเช่น ศิลปะตะวันตก และภายในของช่างที่มีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นความคิดเห็นของช่างที่มีการ คลคี่ ลายจากรปู แบบเดมิ ทเี่ นน้ เชงิ ชา่ งโบราณตามแบบแผนชา่ งสมยั อยธุ ยา รตั นโกสนิ ทรช์ ว่ งรชั กาลท1ี่ -3 และการเขา้ สคู่ วาม
32