Page 137 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 137

                กระบวนการสังเคราะห์นวัตกรรมศิลป์ 129
 การคิดเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการคิดที่จะดึงองค์ประกอบต่าง ๆ มาหลอมรวมหรือถักทอภายใต้โครงสร้างใหม่อย่างเหมาะสม ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, 2546, น.16)
1. การคิดเชิงสังเคราะห์เพื่อการสร้าง “แนวคิดใหม่” เป็นการพัฒนาและคิดค้น แนวความคดิ ใหม่ ๆ ในประเดน็ ตา่ ง ๆ ตามทตี่ งั้ วตั ถปุ ระสงคไ์ ว้ หากสามารถคดิ สงั เคราะหไ์ ดด้ ี จะทา ให้ สามารถพฒั นาความคดิ หรอื สงิ่ ใหม่ ๆ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม ชมุ ชน และองคก์ ร การคดิ เชงิ สงั เคราะห์ เพื่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่โดยมีเทคนิคหรือวิธีการฝึกคิดเชิงสังเคราะห์ (เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, 2546, น.40-48)
2. หลักจินตนาการสร้างสรรค์ หลักการฝึกฝนการคิดสังเคราะห์ที่ดีที่สุด คือการใช้ จนิ ตนาการในการคดิ สรา้ งสรรค์ โดยลองฝกึ ผสมผสานสงิ่ ตา่ ง ๆ ทไี่ มม่ คี วามสมั พนั ธก์ นั ถกั ทอเชอื่ มโยง เข้าด้วยกันให้เกิดสิ่งใหม่ที่ใช้ประโยชน์ใหม่ได้
3. หลักการสังเคราะห์ส่วนประกอบ (Morphological synthesis) เทคนิคนี้เริ่มจาก การตั้งวัตถุประสงค์ว่าต้องการจะคิดเชิงสังเคราะห์ในเรื่องใด จากนั้นให้เขียนรายงานของลักษณะ ที่เกี่ยวข้องกับแง่มุมหนึ่งของสิ่งที่ต้องการไว้ในแถบอีกด้านหนึ่ง ก็จะได้ช่วงตัดระหว่างรายการ สองลักษณะที่เกี่ยวข้องท้ังสองที่เป็นผลของการสังเคราะห์สิ่ง 2 สิ่ง ผสมผสาน สามารถขยายมิติ ของการสังเคราะห์ได้มากกว่า 2 มิติ หรือมากกว่า 3 มิติ ตามวัตถุประสงค์
หลักขยับส่วนผสม (Synthesizer) เป็นหลักการเดียวกับการผสมผสานเสียง ที่มีเสียง หลากหลายนามาผสมให้ได้เสียงตามที่ต้องการ มีความถี่และความดังในระดับต่างๆ เข้าด้วยกัน ให้เหมาะสม เมื่อนาหลักการนี้มาผสมผสานสิ่งต่าง ๆ ตามระดับหรือเฉดที่ต่างกัน ย่อมทาให้เกิด การสังเคราะห์สิ่งใหม่ขึ้น
การอธิบายการสังเคราะห์ เพื่อให้ได้ความรู้ ความรู้ต้องมีการจัดระเบียบ ปะติดปะต่อ และหลอมรวมแก่นแกนแห่งสาระที่ตกผลึกแล้วเข้าไว้ด้วยกัน ถึงส่วนที่เป็นความรู้ และมวลความรู้ที่มี คณุ คา่ มคี วามหมาย มปี ระเดน็ ใหแ้ ยกออกจากลกั ษณะสามญั อนื่ และตามมาดว้ ยการอธบิ าย พรรณนา องค์ความรู้ว่าคืออะไร อย่างไร ด้วยสานวนภาษาที่เรียบง่ายชัดเจนและผู้อื่นเข้าใจได้ (สุชาติ เถาทอง, 2553, น.66)
การคิดสังเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ เป็นการนาแนวคิดต่างๆ ที่ได้จากการวิเคราะห์ ตีความ การทบทวนวรรณกรรม หรือประเด็นต่างๆ ท่ีได้รับมาจัดรูปความสัมพันธ์เชื่อมโยงผสมผสานอย่าง สมเหตสุ มผลกลายเปน็ สงิ่ ใหมท่ ไี่ มเ่ คยมมี ากอ่ น หรอื มคี วามใหมส่ า หรบั การนา มาใชง้ านตามวตั ถปุ ระสงค์ ที่ตั้งไว้ และจะต้องสามารถอธิบายเชิงเหตุผลตามกระบวนการได้อย่างมีคุณภาพ



























































































   135   136   137   138   139