Page 140 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 140
132
การวิจัยทางศิลปะ บทที่ 6 ขั้นที่ 3 การกาหนดลักษณะและขอบเขตของสิ่งที่จะนามาสังเคราะห์
วิธีคิด 1. การกาหนดลักษณะการสังเคราะห์
- คัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องและสาระสาคัญที่ตรงกับหัวข้อ และวัตถุประสงค์
- จากงานวิชาการ งานวิจัยและงานสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง
- จากผู้เชี่ยวชาญ แนวทางการสังเคราะห์ผลงานของศิลปิน
2. กาหนดขอบเขตการสังเคราะห์
- ต้องการเฉพาะข้อมูลจิตรกรรมฝาผนังของภาคใต้
- ต้องการข้อมูลตั้งแต่อดีตจนถึงอนาคตที่มีการคาดการณ์ไว้จานวนมากพอ ที่จะทาให้ได้ข้อมูลครบถ้วน ชัดเจน และนาไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่น ต้องการสังเคราะห์ ภาพปริศนาธรรมในภาคใต้ จะต้องวิเคราะห์จากข้อมูลภาพปริศนาธรรม ช่วงรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9
การที่จะสังเคราะห์ผลงานศิลปะได้ดี จะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดี และเป็นข้อมูลที่ได้รับ การกลั่นกรองตามกระบวนการและสรุปการวิเคราะห์วัตถุประสงค์อย่างน่าเชื่อถือมาแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งควรจะมีลักษณะดังนี้
1. เป็นแหล่งข้อมูลที่มีความชานาญ เรื่องที่ต้องการค้นคว้าต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ จะทาให้มี ข้อมูลที่มีความลึกซึ้ง แม่นยา และน่าเชื่อถือมากขึ้น
2. เป็นแหล่งข้อมูลที่ทันสมัยในขณะนั้นและกว้างไกลสุดพรมแดนความรู้ สามารถนา มา ต่อยอดบนฐานที่คนอื่นได้ทาไว้และรวบรวมไว้แล้ว
วิธีทา 1. การกาหนดลักษณะของข้อมูลที่นามาสังเคราะห์
ข้อมูลแนวคิด ทฤษฎี งานวิจัย และงานสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีความสอดคล้อง และเหมาะสมกับกระบวนการวิจัยสร้างสรรค์ เพื่อนามาสู่ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์และเกิดสิ่งใหม่ ซึ่งจะต้องสรุปอธิบายการนาไปใช้ด้วย
ตัวอย่าง งานวิจัยและงานสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง
สุชาติ เถาทอง (2553) “การวิจัยเชิงสร้างสรรค์ทัศนศิลป์” อธิบายไว้ว่า เป็นการทางาน สรา้ งสรรค์ โดยการปฏบิ ตั เิ ปน็ เครอื่ งมอื นา ไปสคู่ วามรใู้ หมใ่ นสาขานนั้ ๆ ทงั้ นี้ อาจเนน้ ถงึ ความรทู้ ไี่ ดจ้ าก กระบวนการศึกษาและสร้างสรรค์ที่แสดงออกด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของผลงาน (Originality) หรือการพัฒนาความรู้ในการปฏิบัติงานสร้างสรรค์ในนวัตกรรมศิลป์
วิโชค มุกดามนี (2550) ทาวิจัยสร้างสรรค์เรื่อง การตีความคาสอนในพระพุทธศาสนา กับการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยใช้หลักธรรมคาสอน ปรัชญา ทางพุทธศาสนา ศีล สมาธิ ปัญญา
