Page 97 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 97
วิธีการวิจัย: แนวทางการวิจัยทางศิลปะ 89
แนวทางการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ผวู้ จิ ยั สามารถนา มาอธบิ ายไดท้ กุ กระบวนการวจิ ยั ทางศลิ ปะ ทงั้ การวจิ ยั ศลิ ปะ(Research)การวจิ ยั สรา้ งสรรคศ์ ลิ ปะ(Practice-Idea)และการสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปะวชิ าการ (Pure Practice) ซงึ่ จะตอ้ งอธบิ ายคณุ ภาพเหตผุ ล การเชอื่ มโยงสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ นั ของวตั ถปุ ระสงค์ ในการวิจัยทั้งกระบวนการศึกษา วิเคราะห์ กระบวนการสร้างสรรค์และผลงานวิจัยสร้างสรรค์
แนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ
การวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการหาเงื่อนไขและความสาคัญที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติที่ประกอบ ด้วยความเชื่อ ความคิดเห็น ทัศนคติ ผลที่มองเห็นตลอดจนแนวโน้มการสร้างงาน เพื่อจุดประสงค์ที่ จะบรรยาย และแปลความหมายถึงลักษณะระดับของเงื่อนไข ความสัมพันธ์ การวิจัยชนิดนี้ต้องมีการ สา รวจ สบื คน้ เกยี่ วกบั ตวั แปร และหาความสมั พนั ธเ์ ชงิ เหตผุ ล มใิ ชเ่ พยี งแตน่ า ขอ้ มลู มารวบรวมนา เสนอ เท่านั้น ต้องมีการพรรณนา หรือบรรยาย ผู้วิจัยจะต้องศึกษาสิ่งต่าง ๆ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยไม่ ได้แตะต้อง หรือควบคุมตัวแปรและสภาพแวดล้อมเลย โดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วยการสังเกต บันทึก รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล จากนั้นจึงสรุปให้เป็นผลการวิจัย ซึ่งสาขาศิลปกรรมศาสตร์นั้นใช้วิธีการ นี้ในงานวิจัยในแต่ละกระบวนการ
การวิจัยเชิงคุณภาพ จะมีความสัมพันธ์กับข้อมูลเชิงปริมาณ และข้อมูลเชิงคุณภาพ
1. ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative data) คือ ข้อมูลที่เป็นตัวเลข หรือใช้สถิติ การเปรียบเทียบ
2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative data) คือ ข้อมูลที่ไม่ใช้ตัวเลข หรือสถิติเป็นข้อมูล ที่ได้จากการสังเกต การสัมภาษณ์ การค้นคว้าเอกสาร การวิเคราะห์ การรวบรวมข้อมูล การทดลอง ปฏบิ ตั กิ ารสรา้ งสรรค์ ขอ้ มลู ประเภทนมี้ กั ขาดความเทยี่ งตรง ดงั นนั้ ผวู้ จิ ยั จะตอ้ งมคี วามละเอยี ดในการ อธิบายขั้นตอนในแต่ละขั้นตอน
การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ เปน็ กระบวนการคน้ ควา้ วจิ ยั เพอื่ หาความเขา้ ใจบนพนื้ ฐานของระเบยี บ วิธี มีลักษณะเฉพาะที่มุ่งการค้นหาประเด็นปัญหาทางสังคมหรือปัญหาของมนุษย์ในกระบวนการนี้ นักวิจัยสร้างภาพหรือข้อมูลที่ทับซ้อนเป็นองค์รวม วิเคราะห์ข้อมูล รายงานทัศนะของผู้ให้ข้อมูล อย่างละเอียด และดาเนินการศึกษาในสถานการณ์ที่เป็นธรรมชาติ (ชาย โพธิสิตา, 2552, น.25)
วิธีการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่นักวิจัยต้องเข้าถึง ผู้ให้ข้อมูลโดยตรงในเวลาเก็บข้อมูล (Obtrusive methods) เช่น การสัมภาษณ์แบบต่าง ๆ การสังเกต แบบมีส่วนร่วม และการสนทนากลุ่มกับประเภทที่นักวิจัยไม่จาเป็นต้องเข้าถึงตัวผู้ให้ข้อมูลโดยตรง ในเวลาเกบ็ ขอ้ มลู ของวธิ กี ารแบบไมร่ บกวน (Unobtrusive methods) เชน่ การสงั เกตแบบไมม่ สี ว่ นรว่ ม และการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารหรือการให้กลุ่มตัวอย่างกรอกคาตอบในแบบสอบถามด้วยตนเอง

