Page 49 - คมอควบคมและการจดงานสายตรวจ_Neat
P. 49
46
ฎีกาที่ 6942/2551 บ้านที่เจ้าพนักงานค้นเป็นบ้านจ าเลยซึ่งไม่มีเลขที่ ปลูกติดกับบ้านของบิดาซึ่งเป็น
บ้านเลขที่ในหมายค้น ย่อมเข้าใจว่าเป็นบ้านเลขที่เดียวกัน การตรวจค้นของเจ้าพนักงานจึงชอบด้วยกฎหมาย
แล้ว
ฎีกาที่ 1496/2543 เจ้าพนักงานผู้จับกุมได้พบตัวจ าเลยขณะขับรถโดยสารประจ าทาง จึงติดตามไปท า
การจับกุมและตรวจค้นในทันทีทันใดที่จ าเลยขับรถเข้าไปจอดในอู่รถโดยสารประจ าทาง มิฉะนั้นจ าเลยย่อม
หลบหนีหรือเคลื่อนย้ายยาเสพติดให้โทษของกลางไปได้เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานผู้จับกุมสามารถค้นได้โดยไม่ต้อง
มีหมายค้นตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 92(4)
ฎีกาที่ 1455/2544 ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 97 และมาตรา 102 วรรคหนึ่ง การค้นโดยมีหมายค้น
จะต้องด าเนินการโดยเจ้าพนักงานต ารวจผู้ถูกระบุชื่อในหมายค้นและท าการค้นต่อหน้าเจ้าของหรือบุคคล
ในครอบครัวของเจ้าของสถานที่ที่จะค้นหรือมิฉะนั้นก็ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นสองคนที่ขอมาเป็นพยานก็ได้
ร้อยต ารวจเอก พ. ผู้ถูกระบุชื่อในหมายค้นเป็นหัวหน้าในการตรวจค้นและท าการตรวจค้นต่อหน้าจ าเลยซึ่งเป็น
บุตรของเจ้าของบ้าน จึงถือว่าเป็นบุคคลในครอบครัวตามที่ระบุในมาตรา 102 วรรคหนึ่ง แม้จ าเลยจะยังไม่
บรรลุนิติภาวะแต่ก็เป็นผู้เข้าใจในสาระของการกระท าและมีความรู้สึกผิดชอบเพียงพอที่จะให้ความยินยอม
โดยชอบแล้ว ดังนั้นการค้นจึงชอบด้วยกฎหมาย
ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ 3454/2543
โจทก์บรรยายข้อเท็จจริงไว้ในค าฟ้องข้อ 1 ค. ว่าหลังจากจ าเลยขับรถด้วยความประมาทแล้ว
ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจราจรและได้รับแจ้งเหตุให้สกัดจับจ าเลยได้ออกมายืนสกัดอยู่กลางถนนและให้
สัญญาณมือให้จ าเลยหยุดรถเพื่อจับกุมด าเนินคดี อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ แต่จ าเลยขับรถพุ่งเข้าชน
ผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าเพื่อขัดขวางการจับกุม ซึ่งเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการ
ตามหน้าที่ตามประมวลฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง แต่โจทก์มิได้อ้างบทมาตราดังกล่าว ซึ่งโจทก์ถือว่า
เป็นความผิดและขอให้ลงโทษจ าเลยมาให้ค าขอท้ายฟ้อง คงอ้างเฉพาะมาตรา 289 , 80 เห็นได้ว่าโจทก์
ประสงค์ให้ลงโทษจ าเลยเฉพาะแต่ในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งการกระท าตามหน้าที่มิได้
ประสงค์จะให้ลงโทษจ าเลยในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ด้วย จึงไม่อาจ
ลงโทษจ าเลยในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสี่
ก่อนที่ผู้เสียหายทั้งสองจะไปยืนขวางถนน ขณะจ าเลยขับรถย้อนกลับมา ผู้เสียหายที่ 1 ได้ออกไปยืน
ขวางถนนด้านตรงข้ามเพื่อไม่ให้จ าเลยขับรถหลบหนีไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่จ าเลยก็ขับรถหนีผู้เสียหายที่ 1 ไป
ไม่ได้พุ่งเข้าชน เมื่อจ่าสิบต ารวจ ว. ขับรถจักรยานยนต์แซงไปจอดขวางถนน จ าเลยก็เลี้ยวรถกลับไม่ได้ขับรถฝ่า
ไป หลังจากผ่านผู้เสียหายทั้งสองไปแล้ว จ าเลยก็ยังขับรถหลบหลีกเจ้าพนักงานต ารวจอื่นซึ่งยืนสกัดขัดขวาง