Page 132 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 132

ุ
               ขั้นโน้น มันก็ต้องขัดแล้วขัดอีก ขัดจนกระทั่งเป็นวิสทธิ์ คือบริสุทธิ์หมดจด มันจะทำได้อย่างนั้นต้อง
               ใช้พลังงานมาก ๆ ปฏิบัติแล้วปฏิบัติอีก ขัดแล้วขัดอีก ขัดกายขัดใจของเราอยู่อย่างนี้แหละ มันก็

                                                                                        ่
               ต้องมีขาวบ้างละ ขาวนี้ก็ต้องสกปรกบ้างละ แต่ว่าเมื่อสกปรก เรารู้ว่าสกปรกสวนไหนก็ขัดส่วนนั้น
               เมื่อขาวแล้วก็ไม่ต้องทำมัน  คนเราเกิดมาเมื่อเกิดมาแล้วมันก็ต้องมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อย  ๆ  จาก

               ปุถุชนคนธรรมดามากลายเป็นกัลยาณชน กัลยาณชนก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แก้ไขเรื่อย ๆ บกพร่อง

               ตรงไหนก็แก้ไขพัฒนาไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็เป็นอริยชน ห่างไกลจากสิ่งสกปรก ห่างไกลจากสิ่งเศร้า

               หมอง ห่างไกลจากกิเลสต่าง ๆ มันก็ห่างไกลไปเรื่อย ๆ เข้าสู่โสดาปฏิมรรค เข้าสู่ทางที่ดำเนินไปสู่

               โสดาปฏิผล อันนี้ก็ต้องค่อย ๆ ขัดเกลาไปเรื่อย ๆ มันก็จะใสขึ้นมาเรื่อย ๆ

                     การพัฒนาจิตของเราก็พัฒนาจากที่มีชีวิตอยู่นี่แหละ     เมื่อพัฒนาอย่างนี้มันก็จะต้องใสขึ้น

               เรื่อย ๆ จิตใสเป็นบุญ จิตขุ่นเป็นบาปที่พูดบ่อย ๆ ถ้าหากเรายังมีจิตขุ่นอยู่แสดงว่าเรายังเกลือกกลั้ว

               กับสิ่งสกปรก  ทำให้จิตของเราก็ต้องหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งบางอย่าง  มันก็เลยดำ  มันก็เลยสกปรก

               เรียกว่าใจสกปรก เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมาทำใจให้สะอาด ใจสะอาดมันถึงจะเป็นบุญ ใจสกปรกไม่

               เป็นบุญ เราต้องทำบ่อย ๆ ขัดบ่อย ๆ ขัดยังไง สวดมนต์เข้าไป นั่งสมาธิเข้าไป เดินจงกรมเข้าไป

               รักษาศีลเข้าไป “รักษาศีล” หมายความว่า เราทำดีแล้วก็ทำให้เป็นปกติ ให้เป็นอุปนิสัย เมื่อทำเป็น

               อุปนิสัยมากเข้ามากเข้าก็จะเป็นนิสัย เมื่อเป็นนิสัยก็ติดตัวของเราเป็นวาสนา มันก็ไปกับเรา มันเป็น

               นิสัย บุคคลนั้นถึงต่างกัน ที่ต่างกันก็เพราะเราเอาอะไรเข้าไป เอาอะไรเข้าไปขัด เอาอะไรไปแต้มมัน

               เอาอะไรไปใส่มัน มันก็เลยเป็นนิสัย พฤติกรรมของเราก็บ่งบอกมาอย่างนั้น เราเอาเข้าไปทุกวัน ๆ

               เข้าหลายครั้งหลายหน  จิตก็เลยพอกพูนขึ้นมา  เมื่อจิตพอกพูนขึ้นมามากเท่าไหร่ก็เป็นอุปนิสัยติด

                                                                              ู่
               อยู่ในจิตใน ที่สุดก็เป็นนิสัย “นิสัย” คือสิ่งที่เราทำแล้วนอนเนื่องอยในจิตของเรา เมื่อเป็นนิสัยแก้
               แล้วยาก ขัดยากถูยาก ถูแล้วถูอีก ๆ กว่ามันจะขาวขึ้นมาได้

                     การปฏิบัติธรรมก็คือการมาขัดจิตมาขัดใจของเรา ใจกับจิตคืออันเดียวกัน เหมือนกับพ่อ บิดร

               บิดา ปาป้า แดดดี้ เรียกไปก็เยอะแยะ ม๊าม๊า มามี๊ ว่าไป กินข้าว รับประทานข้าว เสวยข้าว ฉันข้าว

                                                                                   ื่
               ก็ว่าไป ความหมายเหมือนกัน เพราะฉะนั้น การว่าจตก็ดี การว่าใจก็ดี เพอไม่ให้มันซ้ำกันก็เลยพูด
                                                                ิ
               ๒ ครั้ง ใจก็ได้จิตก็ได้ลักษณะนี้แหละ เพราะฉะนั้น การพัฒนาจิตของเราก็ต้องทำบ่อย ๆ ขัดบ่อย ๆ

               ถูบ่อย ๆ ในที่สุดมันก็ใสจนได้ละ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่เข้าร่วมปฏิบัติธรรมสัญจร สาธุ สาธุ

               สาธุ อนุโมทามิ







                                                          ๑๓๒
   127   128   129   130   131   132   133   134   135   136   137