Page 61 - ดุษฎีนิพนธ์ระดับปริญญาเอก มจร เรื่องกลยุทธ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ
P. 61

๔๓


                       เพื่อเป็นเกณฑ์วัดคุณสมบัติของพระอุปัชฌาย์ ซึ่งปัญหาเรื่องพระอุปัชฌาย์นี้ได้มีมาแล้วในสมัย
                       พุทธกาล ดังปรากฏใน อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ซึ่งได้มีผู้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้

                       เจริญ ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรมเท่าไร จึงจะให้กุลบุตรอุปสมบทได้ ได้ตรัสแสดงแก่พระอุบาลีว่า ภิกษุ
                       ผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ พึงให้กุลบุตรอุปสมบทได้ ดังนี้

                                 ๑. เป็นผู้มีศีล ส ารวมด้วยการสังวรในปาติโมกข์ เพียบพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปกติ

                       เห็นภัยในโทษแม้เล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
                                 ๒. เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้ฟังมากซึ่งธรรมที่มีความงามในเบื้องต้น

                       มีความงามในท่ามกลาง และมีความงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ
                       บริสุทธิ์ บริบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ทรงจ าไว้ได้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ

                                 ๓. ทรงจ าปาติโมกข์ได้ดี จ าแนกได้ดี ให้เป็นไปได้ดีโดยพิสดาร วินิจฉัยได้ดีโดยสูตร

                       โดยอนุพยัญชนะ
                                 ๔. เป็นผู้สามารถพยาบาลได้เอง หรือผู้อื่นช่วยพยาบาลสัทธิวิหาริกผู้เจ็บไข้

                                 ๕. เป็นผู้สามารถระงับได้เอง หรือใช้ให้ผู้อื่นช่วยระงับความไม่ยินดี

                                 ๖. เป็นผู้สามารถบรรเทาความร าคาญที่เกิดขึ้นได้เองโดยธรรม
                                 ๗. เป็นผู้สามารถปลดเปลื้องความเห็นผิดที่เกิดขึ้นได้โดยธรรม

                                 ๘. เป็นผู้สามารถให้สมาทานอธิศีล
                                 ๙. เป็นผู้สามารถให้สมาทานอธิจิต

                                 ๑๐. เป็นผู้สามารถให้สมาทานอธิปัญญา
                                                                 ๙๓
                                 คุณธรรมทั้งหมดนี้ เป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติเฉพาะของพระอุปัชฌาย์ในสมัยพุทธกาล

                       เพื่อเป็นการรับรอง ในด้านความประพฤติของพระอุปัชฌาย์ ไม่ให้ท าผิดนอกกรอบแห่งพระธรรมวินัย

                       ขณะเดียวกัน ก็เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกุลบุตรผู้หวังเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา โดยหวังพึ่งพา
                       พระอุปัชฌาย์ในด้านต่าง ๆ ทั้งการอนุเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ มีอาหาร ที่อยู่อาศัย เป็นต้น และการ

                       อนุเคราะห์ด้านจิตใจ เช่น การดูแลเอาใจใส่ในเมื่ออาพาธหรือป่วยไข้ การดูแลเอาใจใส่เมื่อไม่ต้องการ
                       จะบวชอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม พระอุปัชฌาย์จะต้องเอาใจใส่ต่อผู้บวชในทุก ๆ ด้าน

                       จึงจะถือว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างสมบูรณ์ และนี้ก็คือ ความส าคัญของพระอุปัชฌาย์ที่อาจวิเคราะห์

                       ตีความ อีกทั้งมองเห็นได้จากคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ควรมีในพระอุปัชฌาย์ทรงอนุญาตอุปัชฌายะ
                       พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้นโดยอเนกปริยาย จึงตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก

                       ความเป็นคนบ ารุงยาก ความเป็นคนมักมากความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน

                       ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่ายความเป็นคนบ ารุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความก าจัด



                               ๙๓  องฺ.ทสก. (ไทย) ๒๔/๓๔/๘๔-๘๕.
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66