Page 41 - การเป็นผู้ประกอบการ_Neat
P. 41
35
ขั้นตอนของการวางแผนมีดังนี้
1. กําหนดเป้าหมายหรือสิ่งที่ต้องการหลังเกษียณอายุแล้ว เช่น รายได้ที่ได้รับ บ้าน รถยนต์ เป็น
ต้น ซึ่งจะเป็นแนวทางวางแผนวัยเกษียณและอาจจะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมที่เปลี่ยนแปลง
2. กําหนดจํานวนเงินสะสมที่ต้องการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายหลังเกษียณอายุ และเป็นแนวทาง ที่
จะนําไปสู่ความสําเร็จตามเป้าหมายได้เงินตามที่ต้องการ
3. การจัดทําโครงการลงทุนที่สร้างเงินทุนที่ได้สะสมไว้ให้มีครบตามจํานวนที่ต้องการ และ ควร
พิจารณาว่าควรนําเงินออมเหล่านี้ไปลงทุนอะไรได้บ้างเพื่อให้เงินที่มีอยู่เพิ่มมากขึ้น
วิธีวางแผนทางการเงินสําหรับการเกษียณอายุ
1. ตั้งเป้าหมาย
2. คํานวณเงินรวม
3. ตรวจสอบปริมาณเงินออมในปัจจุบัน
4. ศึกษาวิธีเตรียมเงินออมสําหรับเกษียณ
ตัวอย่าง นายรณชัย ปัจจุบันอายุ 30 ปี มีรายได้เดือนละ 25,000 บาท ได้วางแผนการเกษียณ
ไว้ดังนี้
1. ตั้งเป้าหมาย เป็นคนสูงอายุที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีทั้งกายและใจ
2. คํานวณเงินออมดังนี้ อายุที่ตั้งใจจะเกษียณคือ 55 ปี (ปกติเกษียณที่ 60 ปี)
- อายุที่คาดหวังไว้ นายรณชัยคาดว่าจะมีอายุยืนถึง 85 ปี (ค่าเฉลี่ยทั่วไปอายุยืน 80 ปี)
- จํานวนปีของ ชีวิตหลังเกษียณอายุ = 85 - 55 = 30 ปี
- จํานวนเงินที่คาดว่าจะใช้หลังเกษียณ = 25,000 x 12 = 300,000/ปี
รวมจํานวนทั้งสิ้นที่ต้องใช้หลังเกษียณ = 300,000 x 30 = 9,000,000 บาท
3. ตรวจสอบจํานวนเงินออมในปัจจุบันนายรณชัยมีเงินออมทั้งหมดตั้งแต่ทํางานพบว่า
- กองทุนสํารองเลี้ยงชีพที่อายุครบ 55 ปี = 800,000.
- เงินฝากธนาคาร, พันธบัตร, ตราสารต่างๆ = 2,100,000.
รวมเงินออม ณ ปัจจุบัน = 2,900,000.
ดังนั้น นายรณชัยต้องเตรียมเงินเพิ่ม = 9,000,000 - 2,900,000
= 6,100,000 บาท
4. ปัจจุบันนายรณชัยอายุ 30 ปี ตั้งใจเกษียณอายุ 55 ปี จะมีเวลาทํางานและออมเงินได้
อีก 25 ปี เฉลี่ยแล้ว ถ้าออมเงินแบบไม่มีผลตอบแทนต้องเก็บเงิน = 6,100,000/25 =
244,000/ปี และ 20,333/เดือน หลังจากที่รู้ว่า หากต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีหลัง
เกษียณก็ควรเก็บเงินโดยเฉลี่ย 20,333/เดือนนายรณชัยตระหนักถึงความสําคัญ ของการมี
ความรู้ด้านการเงิน ถ้าฝากเงินธนาคารที่อัตรา 1-2 % มีอัตราเงินเฟ้อ 4% เท่ากับว่า
ผลตอบแทนติดลบ 2-3% เมื่อผ่านไป 1 ปี เงินที่ฝากธนาคารจะมีมูลค่าลดลง 2-3%