Page 203 - นครรังสิตของเรา
P. 203

12. แม่ดีเด่น                                                                                                                                               กล้วยหอม ฝรั่ง มันส�าปะหลังพวกนี้บ้างผสมผเสกัน เกษตรกรส่วนใหญ่ที่นี่ก็จะเป็นชาวนา  ตลาดรังสิต จ�าได้ว่าตลาดรังสิตตึกแถวแรกๆ เลย จะเป็นตึกที่หันลงคลอง มีอยู่แถวเดียว
                         Ø  ได้ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในค�าอบรมสั่งสอนของบิดา  –  มารดา  มาด้วยดี                                                                                  ประชาชนที่จะมาตลาดก็จะไปที่ตลาดคลองหนึ่งเป็นที่นิยมมาก ที่บ้านผมก็เป็นพ่อค้า ประมาณห้าห้องสิบห้องบริเวณใต้ฟ้ารังสิต ช่วงใกล้ๆโรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์ ซึ่ง
                    โดยตลอด (ปัจจุบันนายเสรี กลิ่นกุสุม บิดา ได้ถึงแก่กรรมแล้ว) ได้ประกอบสัมมาอาชีพ                                                                             เปิดร้านขายของโชว์ห่วย โดยที่บ้านจะขายทุกอย่าง สากกะเบือยันเรือรบ พริกกะปิ  ปัจจุบันนี้ก็จะเป็นอู่รถ  แล้วก็เป็นตึกรามบ้านช่องซะส่วนใหญ่  หลังโรงหนังโอเดียน
                    ด้วยความสุจริต  อดทนขยันขันแข็ง  จนเจริญก้าวหน้ามีฐานะความเป็นอยู่เป็นปึกแผ่น                                                                               น�้าปลา หอม กระเทียม ผ้า โดยเฉพาะผ้าตราควาย ที่ชาวนาเขาใส่กัน เสื้อแขนยาว  รังสิตเก่า เมื่อก่อนตลาดนอก ใกล้โอเดียนรังสิตเก่าตอนนั้นเริ่มมีตลาดใน ตรงประตูระบาย

                    มั่นคง จนถึงปัจจุบัน ได้เพียรพยายามขวนขวายศึกษาหาความรู้ ใส่ตนอยู่ตลอดเวลา                                                                                  หรือสีที่เขาย้อมคล้ายสีน�้าหมาก  พวกย้อมด้วยลูกยอ  ชาวนานิยมใส่  ในคลองก็จะมี ก็จะเป็นห้องแถวไม้นะ ยาวไปถึงทางรถไฟ แล้วก็จะมีโรงไฟฟ้าของสุขาภิบาล ต�าบล
                    ซึ่งปัจจุบันได้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต                                                                                 พวกเรือ ชาวนาจะสัญจรมาทางเรือ คนที่มาซื้อของส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวนา เพราะ ประชาธิปัตย์ ก็จะปั่นไฟฟ้าขายภายในรังสิต ผมจ�าได้ว่าที่ตลาดคลองหนึ่ง ที่บ้านคุณ
                    มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต  ตลอดจนเป็นผู้ที่ได้อุทิศตนทั้งในหน้าที่  การงานและ                                                                               ว่ามันไม่มีอาชีพอื่นๆ  มีชาวนา  ชาวสวน  ชาวนาหลังจากเกี่ยวข้าว  ขายข้าวได้จะมา พ่อไปซื้อทีวีมาเครื่องหนึ่งยี่ห้อซันโย  และเป็นตู้เหล็ก  เหล็กทั้งตู้เลย  เป็นเครื่องแรก
                    ส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือสังคมและท้องถิ่นตลอดมา จนเป็นที่รู้จักและยอมรับของส่วนราชการ                                                                          ที่ตลาดนี้ ตลาดคลองหนึ่งเมื่อก่อนนี้ พื้นที่ตลาดมีความยาวประมาณกิโลเศษๆ มีเรือ ของรังสิตเลยก็ว่าได้  สมัยนั้นเด็กมากันเต็มบ้านไปหมด  พอทุ่มนึงก็จะเปิดทีวี  เมื่อ
                    หน่วยงาน  ตลอดจนเป็นที่เคารพนับถือยกย่องของประชาชนโดยทั่วไป  ซึ่งจากการที่ได้                                                                               จอดเต็มไปหมด ไม่มีที่จอดเลย เรือก็จะเป็นเรือพาย เรือแจว เมื่อก่อนจะมีสองอย่าง  ก่อนนี้จะเป็นไฟฟ้าปั่น บางวันก็ไม่ได้ดูเพราะไฟตก มีปัญหาเด็กๆ ก็จะแห่มากันเต็ม

                    ประพฤติปฏิบัติตนประกอบคุณงามความดีติดต่อกันมาอย่างสม�่าเสมอดังกล่าว จึงเป็น                                                                                 ต่อมาก็พัฒนาเป็นเรือเครื่องใส่หาง เป็นเรือที่พัฒนาโดยชาวนา และก็มีเรือของแม่ค้า หน้าบ้านไปหมด หลังจากนั้นรังสิตก็จะเริ่มพัฒนา คนไปทางรถ ไปตลาดรังสิต ตลาด
                    องค์ประกอบส่วนหนึ่งที่ทางราชการได้พิจารณาเสนอชื่อให้  นางทองสุข  กลิ่นกุสุม                                                                                 ที่ขายโอ่ง ขายพริก หอมกระเทียม พวกนี้เขาเรียกว่า “เรือเครื่องเทศ” จะล�าใหญ่ขึ้นมา ประตูน�้า ตลาดรังสิตจึงเริ่มเจริญขึ้นเรื่อยๆ ทางเรือหมดไป ตลาดที่อยู่ปากคลองก็จะ
                    มารดา เป็นแม่ดีเด่น สาขา แม่ผู้มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียร ประจ�าปี 2537 ของ                                                                               อีกนิดก็จะเป็นเรือที่บรรทุกของเล่น มักขายให้ชาวนาตามคลองต่างๆ อีรุงตุงนังไปหมด กลายเป็นตลาดร้างในปัจจุบัน อย่างตลาดคลองหนึ่งนี่ ชลประทานก็ขอที่คืนเพราะมัน
                    สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม                                                                                    เขาเรียกเรือเครื่องเทศ  จะเป็นพวกของเล่นโบราณ  เช่นปลาตะเพียนห้อยแบบนี้  เป็น อยู่ในน�้า ก็ขอให้ย้ายออกไป ตลาดคลองหนึ่งจึงย้ายร่นถอยหลังไปจากคลองไปอยู่ในที่
                    2537 ซึ่งนับได้ว่าเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล “กลิ่นกุสุม” เป็นอย่างยิ่ง                                                                                เรือแจวมา โดยจะแจวตามคลองต่างๆ บางคนก็ใช้วิธีแลกข้าว แลกพริก แลกของเล่นบ้าง เอกชน ตอนนั้นเจ้าของเอกชนเขาก็ขายที่ ก็ซื้อบ้านใครบ้านมัน จนปัจจุบันก็ยังพอเห็น

                                                                                               ด�ารงต�าแหน่งรองประธานกรรมการสุขาภิบาลต�าบลประชาธิปัตย์ ปี 2537                  พวกชาวนาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มาสีข้าวกันเองนะ ก็จะมีเรือไปรับข้าวมาสี จากตรงโน้นร้อยถัง สภาพที่เป็นตลาดเก่าคลองหนึ่ง ที่มีศาลเจ้าอยู่หลังหนึ่ง ชื่อศาลเจ้าไต้เซี้ยฮุกโจ้ว ศาล
                    13.   กำรจัดตั้งสมำคมสำธำรณกุศล                                                                                                                             ตรงนี้ร้อยถัง แล้วก็ได้ค่าจ้างเป็นล�า เป็นแกลบ เป็นเงิน หรือพวกนี้ ก็อาจจะเป็นการรับซื้อ เจ้าพ่อเห้งเจีย  เป็นศาลเก่าแก่  สมัยนั้นผมก็เห็นเป็นศาลเจ้าที่อยู่ในบ้านคน  เขาชื่อ
                         Ø  ได้จัดตั้ง  “สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นครรังสิต”  ได้จดทะเบียนจัดตั้งสมา                บทสัมภำษณ์ ดร.เดชำ กลิ่นกุสุม                                   เป็นข้าวเปลือก  เมื่อก่อนการพัฒนารูปแบบรังสิตจากเมื่อก่อนจะเปลี่ยนไปเยอะจาก เจ๊กไช้ กิมไช้ หน้าบ้านก็ขายผัก ขายหมู อยู่ในบ้าน และมีต้นไทรใหญ่อยู่หน้าบ้านมี
                    คมฯ ตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2545                                                                                         เรือแจว เรือพาย จากเรือพายก็จะเป็นเรือเครื่อง จากเรือเครื่องเล็ก ก็จะเป็นเรือใหญ่ขึ้นมา ที่พักผ่อนยื่นไปในน�้า คนจีนจะเรียกเหลียงแป้ แต่ตอนนี้เขารื้อออกไปหมดแล้ว ปัจจุบัน
                    เลขทะเบียนเลขที่ 29/ปท/010 (แบบ ส.ฌ.3) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2547 ซึ่งมี         ผมเป็นคนรังสิต  เกิดที่  บ้านเลขที่  445  ม.1  ต.ประชาธิปัตย์  อ.ธัญบุรี   ตอนหลังก็เริ่มมีเรือจ้าง  พอเมืองเริ่มพัฒนาไป  ก็เริ่มมีรถ  เมื่อก่อนเส้นรังสิต  นครนายก ก็แทบจะไม่มีซากอยู่ ปัจจุบันรังสิตก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันในรังสิต ความเจริญ

                    วัตถุประสงค์เพื่อท�าการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ เพื่อการจัดการศพ  จ.ปทุมธานี บ้านเกิดอยู่ที่ตลาดคลองหนึ่ง สมัยเกิดปีพศ.2493 รวมอายุ 66 ปี ผมเห็น  เป็นถนนลูกรังหินก้อนใหญ่ๆ ในวันหนึ่งจะเห็นมีรถผ่านสักคันสองคัน ไม่ค่อยมีรถหรอก  เริ่มเข้ามาเยอะ  พื้นที่ก็ถูกพัฒนา  พื้นที่ทางการเกษตรก็แทบจะไม่มีให้เห็น  มีพื้นที่ท�านา
                    และสงเคราะห์ครอบครัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งถึงแก่ความตาย โดยมิได้ประสงค์  ความเจริญเปลี่ยนแปลงของรังสิต  เมื่อเล็กๆ  จ�าความได้ว่า  มีตลาดเพียงไม่กี่ตลาด   สะพานตามคลองต่างๆ ก็จะเป็นสะพานไม้ ทาสีด�าๆ ไม่ค่อยเห็นรถเยอะ เห็นแต่เรือ เหลืออยู่แปลงสองแปลง นอกนั้นน่าจะหมดไปแล้ว ก็เปลี่ยนสภาพเนื่องจากที่มันราคา
                    จะหาก�าไรหรือรายได้เพื่อแบ่งปันกัน โดยนายเดชา  กลิ่นกุสุม  ด�ารงต�าแหน่ง  นายก  ตลาดก็จะอยู่ริมน�้า เช่นตลาดคลองหนึ่ง ตลาดคลองสอง ถึงตลาดคลองเจ็ด ตามปากคลอง   ตามคลอง จะมีเรือโยง เรือทราย เรือข้าวล�าใหญ่ๆ มีแต่เส้นทางการบรรทุกสินค้าก็จะเป็น แพงขึ้นมีการจราจรทางรถได้ดีเกือบทุกแปลง  พื้นที่ก็จะถูกขายไปเป็นบ้านจัดสรรบ้าง
                    สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นครรังสิต ปัจจุบันมีสมาชิก จ�านวน 9,949 คน มีสมาชิก  ก็จะเป็นตลาดทั้งหมด  เมื่อก่อนวิถีชีวิตของประชาชนจะอาศัยการคมนาคมทางน�้า          เรือทั้งหมด ประตูก็จะเปิดวันหนึ่ง สองถึงสามหน แล้วแต่เช้า กลางวัน เย็น เรือที่จะ เจ้าของแบ่งขายเองบ้าง  ผมเองก็ได้อยู่รังสิต  ก็ได้เป็นบุคคลหลายอาชีพ  เมื่อก่อนที่
                    ที่เสียชีวิตไปแล้ว จ�านวน 1,231 คน  และได้จ่ายเงินให้กับญาติผู้เสียชีวิตไปแล้วรวม     ตลาดรังสิตในปัจจุบันยังไม่มีเลย ในสมัยนั้นเห็นแต่หญ้าเขียวขจีและก็มีทุ่งนา เป็นทุ่งนา  เข้ามาคอยก็ต้องมารอที่ปากประตู ถึงเวลาเขาก็จะเปิด เดี๋ยวนี้การสัญจรทางเรือไม่มีแล้ว  บ้านก็ขายโชห่วย  ขายของทุกชนิด  จนตอนหลังปรับสภาพตัวเองมาเป็นนักจัดสรร

                    103,312,323  บาท  (หนึ่งร้อยสามล้านสาม-แสนหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยยี่สิบสาม  เป็นสวนแตงโมซะส่วนใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่รังสิต ก็จะเป็นชาวสวน ปลูก       เป็นอัมพาตไปแล้ว เพราะว่าคนหันมาใช้ทางรถ การจราจรทางรถเริ่มมีถนนหนทาง คนก็จะ ขายที่ดิน  ซื้อที่ดินแล้วก็ขายตอนหลังก็พัฒนามาเป็นปลูกทาวน์เฮ้าส์ขายบ้าง  สร้างตึก
                    บาทถ้วน)                                                               สวนแตงโม ปลูกข้าว เมื่อก่อนก็จะมีสวนผัก ประชาชนปลูกผลไม้บ้าง เช่น                    มาใช้ทางรถกันเยอะ  ทางเรือจึงเลิกไปโดยปริยาย  พอความเจริญเริ่มมีทางรถ  จึงเริ่มมี ขายบ้าง ก็เปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆ เคยเป็นเกษตรกร ท�าสวนส้มช่วงที่สวนส้มรังสิตดังๆ


              200           นครรังสิตของเรา                                                                                                                                                                                                                                                               นครรังสิตของเรา     201
   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208