Page 55 - (2)100 ถามตอบเรื่องวินัย 4-7-2559
P. 55

๑๐๐  ปัญหาถาม - ตอบ เรื่องวินัย                55
                                         - 49 -

           พิพากษาจ าคุก ๑ ปี โทษจ าคุกรอการลงอาญา ๒ ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ

           ๓ เดือนต่อครั้ง และห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกประเภทใน ๑ ปี ส่วนข้อหา
           มียาเสพติดประเภท ๕ (กัญชา) ศาลอาญาธนบุรีได้มีค าพิพากษาให้จ าคุก ๑ ปี

           ๓ เดือน แต่ได้มีค าสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ฎีกา จะถือว่า นาย บ.
           ไม่เคยต้องโทษจ าคุก และเป็นผู้ไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง

           เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามมาตรา ๓๖ ข (๗) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ

           ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ หรือไม่ อย่างไร หรือต้องขอยกเว้นกรณีมีลักษณะ
           ต้องห้าม ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวหรือไม่

               คําตอบ ผู้ที่จะมีลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการ กรณีเป็นผู้เคยต้องรับ
           โทษจ าคุกโดยค าพิพากษา ถึงที่สุดให้จ าคุกเพราะกระท าความผิดทางอาญา ตามมาตรา

           ๓๖ ข (๗) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ จะต้องเป็น

           บุคคลที่ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจ าคุกและถูกจ าคุกจริง ๆ โดยมิได้มีการรอการ
           ลงอาญา ดังนั้น คดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก ๑ ปี

           โทษจ าคุกรอการลงอาญา ๒ ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ๓ เดือน
           ต่อครั้ง และห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกประเภทภายใน ๑ ปี เป็นกรณีที่นาย บ.

           ยังไม่เคยต้องรับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก จึงไม่เป็นผู้มีลักษณะ
           ต้องห้ามตามมาตรา ๓๖ ข (๗) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ส าหรับคดีที่ศาลอาญา

           ธนบุรีได้มีค าพิพากษาให้จ าคุก ๑ ปี ๓ เดือน และได้มีค าสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัว

           ชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์ฎีกา โดยไม่ปรากฏผลในคดีนี้ว่าคดีถึงที่สุดแล้วผลเป็น
           ประการใด นาย บ. ต้องรับโทษจ าคุกหรือไม่ จึงยังมิอาจพิจารณาได้ว่าเป็นกรณี


                                                                     /ที่ศาล...
   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60